เดลีสตาร์ - หลังเที่ยวบิน MH370 หายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอยไปนานกว่า 9 เดือน ทฤษฎีสมคบคิดก็โผล่ขึ้นมาอีก ด้วยอดีตหัวหน้าสายการบินชั้นนำแห่งหนึ่ง อ้างว่าเครื่องบินของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ถูกก่อการร้ายจี้ ก่อนโดนกองทัพสหรัฐฯสอยร่วง ด้วยความกังวลว่ามันอาจซ้ำรอย 9/11
คำกล่าวอ้างของ มาร์ค ดูเกน อดีตซีอีโอของสายการบินโปรติอุส ที่เชื่อว่า โบอิ้ง 777 ลำนี้ ที่ถูกกองทัพอากาศสหรัฐฯยิงร่วงจากท้องฟ้า ด้วยความกังวลต่อโศกนาฏกรรมซ้ำรอย 11 กันยายน 2001 ปรากฏอยู่ในบทบรรณาธิการของปารีสแมตช์ฉบับเมื่อเร็วๆ นี้ ขณะที่เขาอ้างว่าได้พูดคุยกับชาวบ้านในมัลดีฟส์ไม่นานหลังเกิดเหตุ
ดูเกน อ้างว่า พวกชาวบ้านบอกกับเขาว่าพบเห็นเครื่องบินขนาดใหญ่ที่มีแถบแดงน้ำเงินบนพื้นสีขาว บินเหนือบ้านของพวกเขาในระดับต่ำ ส่วนบางที่คนที่อยู่บนเกาะบาราห์ เอาภาพถ่ายภาพหนึ่งมาให้ดู โดยบอกว่ามันเป็นอุปกรณ์บางอย่างที่กองทัพมัลดิฟส์ยึดได้และผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามันเป็นเครื่องดับเพลิงของเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส
อดีตซีอีโอของโปรตุอุส อ้างประสบการณ์ของตนเอง เชื่อว่า เครื่องบินลำนี้ถูกยิงตกขณะกำลังบินผ่านเกาะดิเอโก การ์เซีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือสหรัฐฯ พร้อมระบุต้นตอที่ทำให้เครื่องบินเปลี่ยนเส้นทาง บางทีอาจเป็นเพราะคอมพิวเตอร์ของเครื่องบินอาจถูกแฮกและควบคุมจากระยะไกล ส่วนอุปกรณ์ดับเพลิงที่ตกลงมานั้นคงเกิดขึ้นเนื่องจากไฟที่ลุกท่วมเครื่องบิน
เครื่องบินบรรทุกลูกเรือและผู้โดยสาร 239 ชีวิตสูญหายไปอย่างลึกลับเมื่อวันที่ 8 มีนาคม และจนถึงตอนนี้ยังไม่พบแม้แต่ร่างของผู้โดยสารหรือลูกเรือแม้แต่รายเดียว
นายดูเกน ไม่ใช่บุคคลที่มีชื่อเสียงด้านการบินคนแรกที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิด หลังจากก่อนหน้านี้เซอร์ทิม คลาร์ก ซีอีโอและสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ ตกเป็นข่าวพาดหัวไปทั่วโลกเมื่อเดือนตุลาคม โดยชี้ว่าหากเที่ยวบิน MH370 ตกลงสู่มหาสมุทรอินเดียจริง จะต้องมีอะไรบางอย่างลอยขึ้นมา แต่ในความเป็นจริงกลับไม่เห็นอะไรแม้แต่เบาะนั่งสักชิ้น ที่บ่งว่าเครื่องบินตกในบริเวณที่เชื่อกัน
เขาบอกต่อมาการสูญหายไปเฉยๆของเครื่องบินทั้งลำมีแต่คำถาม และเรียกร้องการสอบสวนอย่างโปร่งใส ซึ่งที่ผ่านมายังไม่น่าพอใจ จึงจำเป็นต้องทราบว่ามีใครบ้างที่อยู่บนเครื่อง ซึ่งแน่นอนว่ามีบางคนรู้ และเขาก็จะเดินหน้าตั้งคำถามต่อไปจนกว่าความจริงจะปรากฏ
นับตั้งแต่ MH370 หายไปอย่างไร้ร่องรอย จนถึงตอนนี้นานาชาติยังคงเดินหน้าปฏิบัติการค้นหาในขอบเขตอย่างกว้างขวางในมหาสมุทรอินเดีย พื้นที่ซึ่งเหล่าผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอาจเป็นจุดตกของเครื่องบิน ขณะที่คณะเจ้าหน้าที่จากศูนย์กลางปฏิบัติการร่วม (เจเอซีซี) ยอมรับว่าภารกิจค้นหาเครื่องบินลำนี้ที่เดิมคาดหมายว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนพฤษภาคมปีหน้า อาจต้องยืดเยื้อต่อไปจนถึงปี 2016