เอเอฟพี - สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ระบุในวันนี้ (22 ธ.ค.) ว่าเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์จำนวน 4 เครื่องในยูเออี จะเริ่มเปิดใช้งานเครื่องแรกได้ในปี 2017 ส่วนที่เหลือจะเปิดใช้งานได้เต็มรูปแบบในปี 2020
“เมื่อเครื่องปฏิกรณ์เหล่านี้เปิดใช้งานเต็มรูปแบบในปี 2020 จะสามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าได้ 25 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนที่ต้องการ” โมฮัมเหม็ด อัล-ฮัมมาดี ซีอีโอของบริษัท เอมิเรตส์ นิวเคลียร์ เอเนอร์ยี กล่าวในการประชุมพลังงานที่เมืองอาบูดาบี
ฮัมมาดีบอกว่า เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เครื่องแรกนั้นเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว 61 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในปี 2017 เครื่องที่สองและสามก็กำลังก่อสร้างอยู่ ส่วนเครื่องที่สี่กำลังอยู่ระหว่างจัดเตรียมพื้นที่ ขณะที่กำหนดเปิดใช้งานนั้น คาดว่าเครื่องที่สองจะใช้ได้ในปี 2018 ส่วนเครื่องที่สามใช้ได้ในปี 2019 ปิดท้ายด้วยเครื่องที่สี่ในปี 2020
เขาบอกอีกว่า ยูเออียังต้องการพลังงานไฟฟ้าอีก 5 เปอร์เซ็นต์ เพื่อที่จะเปลี่ยนแหล่งพลังงานไฟฟ้าให้ลุล่วงในปี 2020 และช่วยให้ประเทศของเขาสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 12 ล้านตัน
ฮัมมาดีระบุว่า บริษัทของเขาได้ทำสัญญามูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ กับบรรดาบริษัทต่างชาติในการจัดเตรียมเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าเหล่านี้เป็นเวลา 15 ปี
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประเทศที่มั่งคั่งจากธุรกิจน้ำมันและก๊าซ โดยมีการสูบน้ำมันดิบขึ้นมาถึงวันละ 2.8 ล้านบาร์เรล
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อาบูดาบียังได้เปิดใช้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบรวมแสงที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสามารถจ่ายไฟฟ้าให้แก่บ้านเรือนได้ 20,000 หลัง
เมื่อปี 2009 มีกิจการร่วมค้าระหว่างประเทศรายหนึ่ง ที่นำโดยบริษัท อิเล็กทริค เพาเวอร์ ของรัฐบาลเกาหลีใต้ สามารถบรรลุข้อตกลงมูลค่า 20.4 พันล้านดอลลาร์ ในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 4 แห่งในบารากา ซึ่งเป็นพื้นที่ทางตะวันตกของเมืองอาบูดาบี
ภายใต้สัญญาที่มีมูลค่ามหาศาลนี้ บรรดาบริษัทสัญชาติเกาหลีใต้ เช่น ซัมซุง , ฮุนได, ดูซัน เฮฟวี อินดัสทรี จะร่วมกันสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาด 1,400 เมกะวัตต์ จำนวน 4 เครื่อง