เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์(19ธ.ค.) เตือนเกาหลีเหนือว่าจะต้องเผชิญกับการแก้เผ็ดต่อเหตุโจมตีไซเบอร์โซนี่ พิคเจอร์ส และประกาศจะไม่ก้มหัวต่อเผด็จการ หลังเอฟบีไอชี้ชัดอย่างเป็นทางการว่าแฮกเกอร์ของรัฐบาลโสมแดงอยู่เบื้องหลังการกระทำนี้ อย่างไรก็ตามเปียงยางยังยืนกรานปฏิเสธ ย้ำไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ
เมื่อเดือนที่แล้วพวกแฮกเกอร์ที่ขุ่นเคืองต่อภาพยนตร์ล้อเลียนลอบสังหารคิม จองอึน ได้โจมตีทางไซเบอร์บริษัท โซนี่ คอร์ป จากนั้นต่อมาก็ปล่อยภาพยนตร์หลายเรื่องที่ยังไม่เข้าฉายของสตูดิโอแห่งนี้ให้ทุกคนได้โหลดไปดูกันฟรีทางอินเทอร์เน็ต และทยอยเปิดเผยข้อมูลลับต่างๆ อีกมากมายในตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ข้อมูลลับต่างๆนั้นไล่ตั้งแต่บัญชีเงินเดือน รายการใช้จ่าย ข้อมูลสำคัญส่วนตัวของพนักงาน ผู้ที่ติดต่อร่วมงานกับโซนี่ หรือผู้ที่ได้รับการว่าจ้างจากโซนี่ให้ทำงาน ข้อมูลเหล่านี้มีทั้งอีเมล์แอดเดรส พร้อมพาสเวิร์ด หมายเลขบัตรประกันสังคม ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ฯลฯ ซึ่งสามารถนำไปสร้างความเสียหายให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย
ต่อมาเมื่อเร็วๆนี้ กลุ่มแฮกเกอร์ได้เจาะเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของโซนี่ ขู่เล่นงานโรงหนังใดก็ตามที่นำภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย ส่งผลให้เมื่อวันพุธ(17ธ.ค.) โซนี่ยกเลิกปล่อยภาพยนตร์ตลกล้อเลียนผู้เกาหลีเหนือ “The Interview” ที่มีต้นทุน 44 ล้านดอลลาร์เข้าฉาย โดยอ้างว่าเป็นการตัดสินใจของเครือโรงหนังส่วนใหญ่
โอบามา แถลงกับผู้สื่อข่าวตามหลังคำแถลงของเอฟบีไอ โดยบอกว่าวอชิงตันจะไม่ก้มหัวแก่เผด็จการ หลังเอฟบีไอยืนยันกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของเกาหลีเหนือ แต่ก็ชี้ว่าโซนีทำผิดพลาดที่ถอดหนังเรื่องนี้ออกจากโรงภาพยนตร์
"เราจะตอบโต้ เราจะตอบโต้อย่างสาสม เราจะตอบโต้ตามสถานที่ เวลาและวิธีการที่เราเลือก" โอบามากล่าวถึงเกาหลีเหนือ ก่อนพาดพิงถึงโซนี คอร์ป ว่า "ผมเห็นใจกับความกังวลต่างๆที่พวกเขาเผชิญ แต่ทั้งหมดทั้งมวล ผมคิดว่าพวกเขาทำผิดพลาด เราจะต้องไม่ปล่อยให้สังคมเผด็จการจากที่ใดก็ตามมาเริ่มใช้การเซ็นเซอร์ในแผ่นดินอเมริกา"
ก่อนหน้านี้ เอฟบีไอ แถลงว่ามีข้อมูลเพียงพอที่สามารถสรุปได้ว่ารัฐบาลเกาหลีเหลืออยู่เบื้องหลังการโจมตีไซเบอร์โซนี่ พิคเจอร์ส โดยตรวจสอบได้จากมัลแวร์ ขณะที่แหล่งข่าวของโซนี บอกกับเอเอฟพีว่าทางสตูดิโอก็เชื่อว่ามันเป็นฝีมือของเปียงยางเช่นกัน อย่างไรก็ตามโสมแดงยืนกรานปฏิเสธคำกล่าวหานี้ "ประเทศของเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแฮกเกอร์" คิม ซอง เจ้าหน้าที่การทูตระดับสูงประจำสำนักงานผู้แทนถาวรเกาหลีเหนือแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) กล่าว
