เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่เปิดเผยวันนี้ (19 ธ.ค.) ว่าทนายความ ผู้เคยแก้ต่างให้มือปืน ที่ก่อเหตุบุกจับตัวประกันเกือบ 20 ชีวิตในคาเฟช็อกโกแลต ใจกลางนครซิดนีย์ ขณะที่เขาถูกตั้งข้อหาหลายกระทง และผู้พิพากษาศาลแขวงที่อนุญาตให้ประกันตัวเขาถูก “ขู่เอาชีวิต” ในช่วงที่มีกระแสความโกรธแค้นที่ชายซึ่งต้องโทษมากมายคนนี้สามารถลอยนวลออกมาก่อเหตุโจมตีได้
เมื่อวันจันทร์ (16) ฮารอน โมนิส ชายชาวอิหร่าน ซึ่งตั้งตนเป็นครูสอนศาสนาอิสลามผู้นี้ได้บุกจับตัวประกัน 17 ชีวิตทึ่คาเฟในเขตมาร์ตินเพลส ซึ่งเป็นย่านธุรกิจใจกลางนครซิดนีย์
ชายวัย 50 ปีคนนี้เสียชีวิตพร้อมเหยื่ออีก 2 ราย คือ ผู้จัดการร้านวัย 34 ปี และคุณแม่ลูกสามวัย 38 ปี ระหว่างการประจันหน้ากับตำรวจออสซี อันนำไปสู่เหตุนองเลือด
โมนิส ซึ่งทางการออสเตรเลียทราบดีว่า ขึ้นเชื่อเรื่องมีแนวคิดหัวรุนแรง ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวขณะถูกตั้งข้อหามากมาย เป็นต้นว่า ล่วงละเมิดทางเพศ และมีส่วนร่วมในการสังหารอดีตภรรยา
นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ แห่งออสเตรเลียได้ออกมาสั่งการให้เร่งสืบสวนหาข้อเท็จจริงโดยด่วน ในยามที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์หนาหูขึ้นเรื่อยๆ ว่า ทางการแดนจิงโจ้ละเลยไม่ปกป้องประชาชน ทั้งยังมีการกล่าวประณามผู้พิพากษาศาลแขวง ที่อนุญาตให้ประกันตัวโมนิส ตลอดจนทนายความผู้รับว่าความให้เขา
เจน นีดเดม ประธานเนติบัณฑิตยสภาแห่งนิวเซาท์เวลส์กล่าวผ่านสถานีวิทยุเอบีซีว่า “การขู่ฆ่าผู้ที่เพียงแต่ปฏิบัติตามหน้าที่ตนเองนั้นเป็นการตอบโต้ที่น่าตำหนิอย่างยิ่ง”
เธอกล่าวว่า การตอบโต้ด้วยวิธีแบบนั้นเป็นสิ่งที่ “พอเข้าใจได้ แต่ก็เป็นความคิดผิดๆ” อย่างไรก็ดี เธอไม่ได้ชี้แจงว่า ผู้พิพากษาคนดังกล่าว และทนายของโมนิส ถูกขู่ฆ่าอย่างไร
ทั้งนี้ แคทรีนา ดอว์สัน หนึ่งในตัวประกันผู้เสียชีวิตในเหตุโจมตี ก็มีอาชีพเป็นทนายความ และคาเฟที่เธอตายก็เป็นสถานที่โปรดของผู้คนมากมาย ที่ยึดกฎหมายเป็นเครื่องประกอบอาชีพ
“คาเฟลินดต์ (Lindt) เป็นจุดศูนย์กลางของคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ และนอกจากความตื่นตระหนก และหวาดผวาแล้ว ประชาชนยังรู้สึกจริงๆ (ว่าคนที่ถูกฆ่าตายวันนั้น) อาจจะเป็นใครก็ได้”