เอเอฟพี - กองกำลังชาวเคิร์ดในอิรักวานนี้ (17 ธ.ค.) เปิดฉากปฏิบัติการจู่โจมอย่างกว้างขวาง เพื่อยึดเขตเทือกเขาซินจาร์ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศกลับคืนจากกลุ่มนักรบญิฮาดหัวรุนแรง “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) โดยมีฝูงบินรบของกลุ่มชาติพันธมิตรภายใต้การนำของสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดโจมตีสนับสนุน
ในฝั่งซีเรีย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของอิรัก องค์การเฝ้าระวังระบุว่า พบร่างสมาชิกชนเผ่า 230 ราย ที่ลุกฮือขึ้นต่อกรกับกลุ่มนักรบญิฮาดไอเอส ในเขตผู้ว่าราชการไดร์อัซเซาร์ ถูกฝังรวมกันในหลุมศพหมู่
นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา (15) กลุ่มชาติพันธมิตรได้ดำเนินภารกิจโจมตีกลุ่มไอเอส ทางอากาศรวม 61 ครั้ง โดยนับเป็นทิ้งระเบิดครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่กลุ่มนักรบญิฮาดกลุ่มนี้จู่โจมเขตเทือกเขาซินจาร์ จนกระตุ้นให้แดนอินทรีตัดสินใจเปิดฉากปฏิบัติการทหารในอิรักเมื่อเดือนสิงหาคม
กองทัพสหรัฐฯ ระบุว่าเราได้ดำเนิน “ภารกิจโจมตีทางอากาศ 45 ครั้งเพื่อสนับสนุนกองกำลังเปชเมการ์ (กองทัพของชาวเคิร์ด) และกองกำลังความมั่นคงของอิรัก ที่กำลังจู่โจม (ไอเอส) ในพื้นที่ดังกล่าว”
ภารกิจจู่โจมอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นทางภาคเหนือของอิรัก ได้สร้างความเสียหายให้แก่รถตักดิน ยานพาหนะ จุดตรวจ ฐานสู้รบฝ่ายข้าศึก นักรบญิฮาดไอเอส และอุปกรณ์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก
กองกำลังเปชเมการณ์ระบุว่า สามารถยึดคืนพื้นที่ได้ 8 จุด และสังหารนักรบไอเอสไปได้ราว 80 ราย ในช่วงเริ่มต้นการจู่โจมวานนี้ (17) นอกจากนี้ นักรบชาวเคิร์ดยังได้โพสต์รูปตัวเองคู่กับศพลงในสื่อสังคมออนไลน์ด้วย
หนึ่งในเป้าหมายของภารกิจในเขตเทือกเขาซินจาร์ เดิมทีเคยเป็นถิ่นที่อยู่ของชนกลุ่มน้อยชาวยาซิดี ก่อนที่จะถูกกลุ่มนักรบญิฮาดบุกโจมตีเมื่อต้นเดือนเมษายน บีบให้คนเหล่านี้ต้องระหกระเหินออกจากบ้านเกิดเมืองนอน
ทั้งนี้ ความเสี่ยงที่ชาวยาซิดีจะถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ คือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ตัดสินใจเดินหน้าปฏิบัติการทางอากาศกวาดล้างกลุ่มไอเอส
*** หลุมศพหมู่ในซีเรีย ***
เจ้าหน้าที่อาวุโสของชาวเคิร์ดระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีเมื่อวันพุธ (17) เริ่มต้นขึ้นที่เมืองราเบีย ซึ่งอยู่ติดกับพรมแดนซีเรีย และที่เมืองซูมาร์ของอิรัก ตลอดจนบนชายทะเลสาบเขื่อนโมซุล
มัสซรูร์ บาร์ซานี ประธานสภาเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานแห่งอิรักชี้ว่า การจู่โจมคราวนี้แสดงให้เห็นว่า องค์การหัวรุนแรงที่ประกาศสถาปนา “กาหลิบอิสลาม” ในพื้นที่บางส่วนของอิรักและซีเรียเมื่อ 6 เดือนก่อน ก็ตกเป็นฝ่ายปราชัยได้
กลุ่มนักรบญิฮาดกลุ่มนี้กลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำในการเผชิญหน้าหลายระลอกที่อิรักเมื่อเร็วๆ นี้ แต่แนวหน้าไอเอสในซีเรียยังคงเข้มแข็ง
องค์การ “ซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ฮิวแมนไรต์ส” แถลงวานนี้ (17) ว่า ได้ “รับทราบจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือว่า พบร่างผู้เสียชีวิตกว่า 230 ราย ในหลุมศพหมู่ในทะเลทราย ใกล้หมู่บ้านอัล-คาชกีเยห์ ในไดร์อัซเซาร์
ผู้เสียชีวิตเหล่านี้เป็นสมาชิกเผ่าไชตัต ที่ลุกขึ้นสู้กลุ่มไอเอสเมื่อช่วงฤดูร้อน
องค์การออบเซอร์วาทอรีระบุว่า ตอนนี้มีการยืนยันว่า สมาชิกเผ่าไชตัตถูกสังหารไปแล้ว 900 คน ทั้งยังมีผู้สูญหายอีกหลายร้อยชีวิต
รัฐบาลในกรุงแบกแดด และเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานแห่งอิรักได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากชาติตะวันตกทั้งในรูปของอาวุธยุทโธปกรณ์ สิ่งของบรรเทาทุกข์ และที่ปรึกษาทางการทหารหลายพันคน
บรรดาผู้นำชาวเคิร์ดระบุว่า หนึ่งในวัตถุประสงค์ของปฏิบัติการโจมตีเมื่อวันพุธ (17) คือ “การทลายวงล้อมบนเทือกเขาซินจาร์”
เมื่อเดือนสิงหาคม แนวเทือกเขาที่มีความยาว 60 กิโลเมตรแห่งนี้คือ หนึ่งในจุดที่ถูกถล่มโจมตีอย่างหนักหน่วงที่สุด นับตั้งแต่กลุ่มไอเอสเริ่มไล่รุกจู่โจมเมื่อต้นเดือนมิถุนายน
ในช่วงเวลานั้น นักรบไอเอสได้เข่นฆ่าชาวบ้านหลายร้อยคน ทั้งยังจับสตรีและเด็กหญิงชาวยาซิดีไปเป็นทาส รวมทั้งบีบให้ชาวซินจาร์หลายหมื่นคนต้องอพยพหนีภัยสู้รบขึ้นไปอาศัยอยู่บนเขาซินจาร์
พลเรือนถูกปิดล้อมอยู่บนเทือกเขานานหลายวันท่ามกลางสภาพอากาศในฤดูร้อนที่ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่พวกเขาแทบไม่มีอาหารและน้ำประทังชีวิต ก่อนที่กลุ่มไอเอสจะถอนกำลังออกไป ทำให้พวกเขาหลบหนีลงมาได้