เอเจนซีส์ – เสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัดจากภายในคาเฟ่ “ลินดต์” ทำให้ตำรวจซิดนีย์ตัดสินใจนำอาวุธหนักบุกเข้าชิงตัวประกัน 17 คน ปิดฉากสถานการณ์เผชิญหน้าที่ยืดเยื้อนาน 16 ชั่วโมง โดยทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 3 ราย รวมถึงตัวมือปืนผู้ก่อเหตุ
หนังสือพิมพ์ ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ ได้สรุปเหตุการณ์ระทึกขวัญครั้งนี้ว่า ตำรวจได้นำกำลังจู่โจมคาเฟ่ของลินดต์ในย่านมาร์ตินเพลส หลังเวลา 2.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เนื่องจากได้ยินเสียงปืนดังออกมาจากภายใน และเชื่อว่าน่าจะเป็นปืนของ มัน ฮารอน โมนิส คนร้ายซึ่งอวดอ้างตนเป็น “ชีคอาหรับ”
ก่อนเสียงปืนจะดังขึ้นไม่กี่อึดใจ เจ้าหน้าที่เห็นตัวประกัน 7 คนวิ่งหนีออกมาจากคาเฟ่ได้สำเร็จ
แอนดรูว์ ชิปิโอเน อธิบดีตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ แถลงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา(16)ว่า เสียงปืนที่ดังขึ้นเป็นชุดทำให้ตำรวจตัดสินใจใช้แผนปฏิบัติการขั้นฉุกเฉินเพื่อช่วยชีวิตตัวประกัน
“เสียงปืนภายในอาคารทำให้ตำรวจนำกำลังบุกเข้าไป” ชิปิโอเน กล่าว
“ตำรวจซึ่งปิดล้อมพื้นที่อยู่เชื่อว่า หากเวลานั้นไม่รีบเข้าไปช่วย ตัวประกันอาจล้มตายมากกว่านี้... ผมเชื่อว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในคาเฟ่ทำให้ตำรวจเชื่อว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องลงมือ ซึ่งพวกเขาก็ได้ลงมือจริงๆ”
ภาพปฏิบัติการสุดระทึกถูกเผยแพร่สดๆ ผ่านสื่อโทรทัศน์ เมื่อตำรวจออสเตรเลียได้นำกำลังบุกเข้าไปในอาคาร และสาดกระสุนใส่คนร้ายจนเห็นแสงเพลิงสะท้อนวาบๆ ออกมาทางประตูหน้า
ตำรวจยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตรวม 3 ราย คือ มัน ฮารอน โมนิส วัย 50 ปี ซึ่งถูกตำรวจวิสามัญ ส่วนอีก 2 รายเป็นตัวประกันหญิงวัย 38 ปี และชายวัย 34 ปี ซึ่งไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
แฟร์แฟกซ์ มีเดีย กลุ่มสื่อยักษ์ใหญ่ออสเตรเลียที่เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ รายงานในเวลาต่อมาว่า ตัวประกันที่เสียชีวิต 2 คนนั้น คนหนึ่งคือ แคทรินา ดอว์สัน วัย 38 ปี เธอเป็นทนายความที่ได้รับการยกย่องนับถืออย่างสูง ส่วนอีกคนหนึ่งคือ โทรี จอห์นสัน วัย 34 ผู้จัดการของร้านลินดต์ คาเฟ่ ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ
สำหรับตัวประกันที่ได้รับบาดเจ็บมี 3 คนเป็นสตรีทั้งหมด และทุกคนต่างบาดเจ็บเพราะถูกยิง โดยเวลานี้อยู่ในอาการทรงตัวแล้ว ตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ระบุ ผู้บาดเจ็บเหล่านี้ คนหนึ่งอายุ 75 ปี ถูกยิงที่ไหล่ อีกคนหนึ่งอายุ 52 ปีถูกยิงที่เท้า และคนที่สามอายุ 43 ปี ถูกยิงที่ขา
ยังมีตัวประกัน 2 คนซึ่งเป็นหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ อยู่ในวัย 30 ปีคนหนึ่ง และ 35 ปีอีกคนหนึ่ง ทั้งคู่ได้รับการตรวจที่โรงพยาบาลและอยู่ในอาการทรงตัว
นอกจากนั้นยังมีตำรวจชายผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าจากสะเก็ดกระสุนระหว่างที่มีการยิงกัน แต่บาดแผลไม่ได้ร้ายแรง
ชิปิโอเน เห็นด้วยกับการบุกช่วยตัวประกันครั้งนี้อย่างเต็มที่ พร้อมยืนยันว่าเป็นการพิจารณาอย่างรอบคอบโดยผู้เชี่ยวชาญ
“เราจะไม่โต้แย้งตำรวจที่ร้องขอให้ใช้ปฏิบัติการดังกล่าว พวกเขาร้องขอเพราะเชื่อว่าถึงเวลาที่จะต้องลงมือ ไม่เช่นนั้นอาจมีคนตายมากกว่านี้”
อย่างไรก็ดี ชิปิโอเน ไม่ขอเอ่ยถึงกรณีที่มีผู้สันนิษฐานว่า ตัวประกันอาจพยายามหลบหนีขณะที่มือปืนหลับ ทำให้เขารู้สึกตัวและชักปืนยิงในที่สุด
“นี่ไม่ใช่เวลามาคาดเดาหรือตั้งข้อสังเกตซ้ำซ้อน มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย และเราจะสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด”
อธิบดีตำรวจยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่า ตัวประกัน 2 รายเสียชีวิตด้วยน้ำมือคนร้าย หรือว่าถูก “ลูกหลง” จากตำรวจกันแน่