เอเอฟพี - วันนี้ (15 ธ.ค.) นับเป็นวันที่สามแล้วที่หน่วยกู้ภัยอินโดนีเซีย ใช้ทั้งมือเปล่า และพลั่วระดมขุดกองดินค้นหาผู้สูญหายเกือบ 70 ชีวิต ภายหลังเกิดดินถล่มทับหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตขยับขึ้นสู่ 39 ราย
ภายหลังที่มีฝนตกลงมาอย่างหนัก จนเกิดดินถล่มฝังบ้านเรือนหลายสิบหลังในหมู่บ้านเจมบลุง บนเกาะชวา เมื่อค่ำวันศุกร์ (12) เจ้าหน้าที่ระบุว่า ในเวลานี้มีความหวังที่จะได้พบผู้รอดชีวิตริบหรี่เต็มที
เจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 1,000 คนรวมทั้ง ตำรวจและทหารได้สนธิกำลังกันขุดเนินดินลูกรังกองมหึมาที่ถล่มถมทับหมู่บ้าน ในหุบเขาที่โอบล้อมไปด้วยเนินเขา โดยผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ได้ยินเสียงดังเหมือนฟ้าผ่า
อากุส ฮาร์โยโน หัวหน้าหน่วยค้นหาและช่วยชีวิตท้องถิ่นกล่าวกับเอเอฟพีว่า “เราได้แต่หวัง และเฝ้าภาวนาว่า จะสามารถช่วยชีวิตคนบางส่วนที่สูญหายไปได้ แต่ความหวังนั้นก็เลือนรางเหลือเกิน”
ซูโตโป ปูร์โว นูร์โกรโฮ โฆษกสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซียระบุว่า รถแทรกเตอร์ และรถขุดดินยังคงพยายามเก็บกวาดกองต้นไม้ที่ล้มระเนระนาด ตลอดจนกองดินซึ่งปิดกั้นถนนสายหลักที่มุ่งหน้าไปสู่หมู่บ้านแห่งนี้ ด้วยความหวังที่จะเร่งช่วยชีวิตผู้สูญหาย
เขากล่าวกับเอเอฟพีว่า “หน่วยกู้ภัยสามารถกู้ศพออกมาจากกองดินได้อีก เป็นผลให้ยอดผู้เสียชีวิตขยับขึ้นสู่ 39 ราย” พร้อมกับระบุเพิ่มเติมว่า ยังคงมีผู้สูญหายอีก 69 คน
ทั้งนี้ ภารกิจช่วยชีวิตรอบแรกๆ นั้นต้องหยุดชะงักไป เนื่องจากฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก แต่ในที่สุดท้องฟ้าก็เริ่มปลอดโปร่งวานนี้ (14)
ดินถล่มครั้งนี้เกิดขึ้นจากฝนหนัก และน้ำท่วม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติในช่วงฤดูฝนที่อินโดนีเซีย ซึ่งตั้งอยู่ในเขตร้อน โดยสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติประมาณการว่า มีประชากรแดนอิเหนามากถึงครึ่งหนึ่ง จากทั้งสิ้น 250 ล้านคนอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงเกิดดินถล่ม
ทั้งนี้ หมู่เกาะอินโดนีเซียอันกว้างใหญ่ไพศาลมักเผชิญกับภัยธรรมชาติเป็นประจำ และเกิดแผ่นดินไหว ตลอดจนภูเขาไฟปะทุอยู่บ่อยครั้ง