เอเอฟพี – พนักงานร้านอาหารฟาสต์ฟูดและแรงงานที่มีรายได้น้อยทั่วสหรัฐฯ พร้อมใจกันนัดหยุดงานประท้วงเมื่อวานนี้(4) เพื่อร้องขอค่าแรงขั้นต่ำ 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง รวมไปถึงสิทธิแรงงาน
ผู้จัดการประท้วงเปิดเผยว่า พนักงานในเครือร้านอาหารจานด่วน เช่น แม็คโดนัลด์ส, เบอร์เกอร์คิง, เวนดีส์ และ ทาโคเบลล์ พร้อมใจกันผละงานในกว่า 190 เมืองทั่วอเมริกา ตั้งแต่ลอสแองเจลิส, ฟีนิกซ์, ชิคาโก, นิวยอร์ก เรื่อยไปจนถึงวอชิงตัน ดี.ซี. และเป็นการหยุดงานครั้งแรกในรอบ 2 ปีของพนักงานฟาสต์ฟูด โดยมีลูกจ้างประเภทอื่นๆ เช่น พนักงานร้านสะดวกซื้อ และคนงานในตลาด ร่วมแสดงพลังด้วย
กลุ่มแรงงานรายได้น้อยและสหภาพแรงงานที่สนับสนุนพวกเขา ต้องการให้รัฐขึ้นค่าแรงขั้นต่ำต่อชั่วโมงจาก 7.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปัจจุบัน เพิ่มเป็น 15 ดอลลาร์สหรัฐฯ
พนักงานเหล่านี้บอกว่า ทนไม่ได้อีกต่อไปกับฐานเงินเดือนอันน้อยนิดที่ทำให้พวกเขาไม่หลุดพ้นความยากจนเสียที รวมถึงคำขู่ของนายจ้างที่ไม่ต้องการให้พวกเขารวมกลุ่มเป็นสหภาพ
“ทุกๆ วันผมมองหน้าลูก และพวกเขาก็รู้ว่าเราใช้ชีวิตอย่างยากจน นี่คือเหตุผลที่ผมต้องสู้” เทอร์เรนซ์ ไวส์ คุณพ่อลูกสามวัย 35 ปี ซึ่งได้รับค่าแรงเพียง 9.30 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงจากร้านเบอร์เกอร์คิงในเมืองแคนซัสซิตี รัฐมิสซูรี ระบุในคำแถลงของเขา
ผู้จัดงานเผยว่า พนักงานยกกระเป๋า, พนักงานบริการรถเข็นคนพิการ รวมถึงพนักงานทำความสะอาดเครื่องบินตามสนามบินใหญ่ๆ 10 แห่ง ต่างสนับสนุนการเคลื่อนไหวของพนักงานฟาสต์ฟูดครั้งนี้
“คนทำงานทั้งชายและหญิงนับล้านคนในประเทศนี้ ไม่ว่าจะผิวขาว ผิวสี หรือผิวเหลือง ได้ออกมาต่อสู้ร่วมกันเพื่อตอบโต้ความสุดโต่งและความไม่เท่าเทียม” แมรี เคย์ เฮนรี ประธานสหภาพแรงงานภาคบริการสากล (SEIU) ซึ่งสนับสนุนโครงการ Fight for $15 ทั้งในด้านงบประมาณและการรวมกลุ่ม ระบุในถ้อยแถลง
ขบวนการ Fight for $15 เติบโตขึ้นเรื่อยมา หลังจากมีพนักงานร้านฟาสต์ฟูดไม่กี่ร้อยคนนัดหยุดงานในนิวยอร์กเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2012 เพื่อขอ “ค่ายังชีพ” 15 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อชั่วโมง
ต่อมาในเดือนสิงหาคม ปี 2013 แรงงานฟาสต์ฟูดก็ได้นัดผละงานใน 60 เมืองทั่วประเทศเป็นเวลา 1 วันเต็ม ทำให้เสียงของพวกเขาเริ่มเป็นที่ได้ยินไปถึงนักการเมืองระดับชาติ
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เผชิญกระแสต่อต้านอย่างหนักจากพรรครีพับลิกัน จากการที่เขาพยายามผลักดันให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 10.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อชั่วโมง เพื่อยกระดับชีวิตพลเมืองอเมริกันหลายแสนคนให้พ้นเส้นความยากจน และลดช่องว่างรายได้
ซานฟรานซิสโกและซีแอตเติลเป็น 2 เมืองใหญ่ที่ตั้งฐานค่าแรงขั้นต่ำไว้ 15 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อชั่วโมงแล้ว ส่วนรัฐแคลิฟอร์เนียได้ปรับเพิ่มขึ้นมา 1 ดอลลาร์เป็น 9 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้