เอเอฟพี - ประธานาธิบดีแห่งดินแดนหมีขาว "วลาดิมีร์ ปูติน" ออกมาระบุในวันนี้ (4 ธ.ค.) ว่าชาติตะวันตกใช้ประโยชน์จากเรื่องวิกฤติยูเครนมาบ่อนทำลายรัสเซีย พร้อมทั้งบอกด้วยว่า "ไครเมีย" กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาแล้ว
ในระหว่างการรายงานประจำปีที่พระราชวังเครมลิน ต่อบุคคลสำคัญหลายร้อยคน ซึ่งมีทั้งสมาชิกรัฐสภาและเจ้าหน้าที่รัฐ ปูตินได้บอกว่า แม้จะต้องเผชิญกับความไม่พอใจของเบลเยียมและอเมริกา กรณีวิกฤติสู้รบในยูเครนตะวันออก แต่รัสเซียยังไม่คิดตัดความสัมพันธ์กับชาติตะวันตก
"ทุกครั้งที่มีใครบางคนคิดว่ารัสเซียเริ่มจะเข้มแข็งเกินไป ก็มักจะมีการใช้กลไกทางการเมืองเหล่านี้ทันที" ปูติน พูดถึงมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก
ผู้นำดินแดนหมีขาวยังบอกด้วยว่า ชาติตะวันตกควรจะคิดหาข้ออ้างอื่นบ้าง นอกจากเรื่องของไครเมียและวิกฤติยูเครน ในการควบคุมศักยภาพของรัสเซีย พร้อมทั้งปฏิเสธเรื่องที่เศรษฐกิจรัสเซียกำลังย่ำแย่ อันเนื่องมาจากมาตรการคว่ำบาตรและการตกต่ำของราคาน้ำมัน
"เราพร้อมที่จะเผชิญทุกความท้าทายและเราจะชนะ" ปูติน กล่าว
ปูตินกล่าวถึง "ไครเมีย" ที่รัสเซียยึดมาจากยูเครนเมื่อเดือนมีนาคมด้วยว่า กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญต่อรัสเซียแล้ว เทียบได้กับเนินพระวิหารในเยรูซาเล็ม
"นั่นคือวิธีที่เราจะใช้รับมือกับเรื่องนี้ นับแต่นี้เป็นต้นไป" ปูติน กล่าว
เขาบอกว่า รัสเซียจะไม่ลดระดับความสัมพันธ์กับชาติตะวันตก แม้จะมีการเผชิญหน้ากันเพราะเรื่องวิกฤติยูเครน จนทำให้เบลเยียมและอเมริกาใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อดินแดนหมีขาวหลายครั้งในปีนี้
"จะไม่มีการลดระดับความสัมพันธ์กับยุโรปและสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันก็จะขยายความสัมพันธ์กับอเมริกาใต้ และจะเดินหน้าร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องกับแอฟริกา กับอีกหลายประเทศในตะวันออกกลาง" เขากล่าว
ปูตินบอกด้วยว่า รัสเซียจะไม่ยอมถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับการแข่งขันด้านพัฒนาอาวุธใหม่ๆ แต่ก็ยืนกรานว่ากองทัพของประเทศเขานั้นพร้อมที่จะปัดป้องทุกการโจมตี
