เอเอฟพี – ศาลอุทธรณ์กาตาร์วันนี้ (30 พ.ย.) ประกาศให้สองสามีภรรยาชาวอเมริกันคู่หนึ่ง พ้นผิดจากข้อหาละเลยทอดทิ้งบุตรบุญธรรม จนเป็นเหตุให้เธอถึงแก่ความตาย ภายหลังผู้เชี่ยวชาญออกมาชี้ว่า เธอเสียชีวิตจากการอดอาหาร โดยคำพิพากษาในวันนี้ถือเป็นบทอวสานในการต่อสู้ทางกฎหมายมานานเกือบ 2 ปีของคนทั้งคู่
แมทธิว และเกรซ หวง ถูกจับกุมเมื่อเดือนมกราคม ปี 2013 ภายหลังการเสียชีวิตของกลอเรีย ลูกสาวบุญธรรมวัย 8 ปีที่ทั้งคู่รับอุปการะมาจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าในกานา
ก่อนหน้านี้ สองสามีภรรยาซึ่งมีพื้นเพเดิมเป็นชาวเอเชียคู่นี้ ถูกตั้งข้อหาว่า จงใจปล่อยให้ลูกสาวตัวเองอดตายเพื่อนำอวัยวะไปขาย ทว่า ในเวลาต่อมาพวกถูกตัดสินจำคุก 3 ปีในความผิดฐานละเลยทอดทิ้งบุตร
เมื่อวันอาทิตย์ (30) ศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินให้สามีภรรยาคู่นี้พ้นจากความผิด และระบุว่า พวกเขามีสิทธิ์เดินทางออกจากกาตาร์ได้ เนื่องจากพยานให้การว่า กลอเรีย “ไม่ได้ถูกทอดทิ้งจนไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้”
แมทธิว หวง กล่าวว่า “ผมกับเกรซ อยากกลับบ้านไปอยู่พร้อมหน้ากับลูกๆ ของเรา” พร้อมกับระบุว่า กระบวนการทางศาลของกาตาร์ “ใช้เวลานาน และบีบคั้นอารมณ์”
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าว ขณะอยู่นอกศาลว่า “แม้ว่าเราไม่มีโอกาสได้ไปร่วมงานศพลูกสาว แต่เราก็ต้องการขอบคุณผู้พิพากษาที่ตัดสินให้เราพ้นผิดในวันนี้”
เขากล่าวว่า “เราตั้งตาคอยวันที่จะได้เดินทางกลับสหรัฐฯ”
ผู้พิพากษาระบุว่า พยานให้การตรงกันว่า “ก่อนที่กลอเรียจะเสียชีวิตได้หนึ่งวัน พวกเขายังเห็นเด็กสาวกินอาหาร”
ผู้พิพากษากล่าวว่า “คำให้การดังกล่าวหักล้างข้อหาที่ว่า เธอถูกห้ามไม่ให้รับประทานอาการ ซึ่งเป็นข้อหาที่ศาลชั้นต้นใช้เป็นมูลเหตุในการพิพากษา”
เมื่อเดือนที่แล้ว นักพยาธิวิทยาจากสถาบันนิติเวชแจ้งศาลว่า สภาพศพของกลอเรียบ่งชีว่า เธอไม่มีอาหารตกถึงท้องมาหลายวันแล้ว
อานีส มะห์มูด ผู้เชี่ยวชาญคนดังกล่าวระบุว่า “ผมไม่พบเศษอาหารในกระเพาและลำไส้ของเธอ ทั้งยังตรวจไม่พบสาเหตุการตายอื่นๆ”
อย่างไรก็ตาม หวงยืนกรานว่า “กลอเรียเสียชีวิตจากพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากช่วงชีวิตวัยเด็กอันยากจนขณะอาศัยอยู่ที่กานา เนื่องจากบางครั้งเธอต้องอดอาหาร กินอาหารตุนล่วงหน้า หรือขโมยอาหาร”
สามีภรรยาซึ่งพื้นเพเดิมเป็นชาวเอเชียคู่นี้ได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว เพื่อรอพิจารณาคดี แต่ศาลปฏิเสธคำร้องของพวกเขาที่ต้องการเดินทางออกจากกาตาร์ เพื่อกลับไปอยู่กับลูกบุญธรรมอีก 2 คนในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ การรับอุปการะ และการมีครอบครัวที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติเป็นสิ่งที่แทบจะไม่พบเห็นในกาตาร์ ซึ่งเป็นชาติอาหรับอนุรักษนิยมในแถบอ่าวเปอร์เซีย
ก่อนหน้านี้ อัยการแผ่นดินเคยส่งฟ้องศาลให้ตัดสินประหารชีวิตครอบครัวหวง ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกตั้งข้อหาว่าจงใจปล่อยให้กลอเรียอดตาย เพื่อนำอวัยวะของเธอไปขาย
นอกจากถูกตัดสินจำคุกแล้ว สองสามีภรรยายังถูกศาลสั่งปรับคนละ 15,000 ริยาล (ราว 135,000 บาท) และให้ผลักดันพวกเขากลับสหรัฐฯ เมื่อพ้นโทษแล้ว
เมื่อเดือนที่แล้ว แมทธิว หวง วิจารณ์ศาลกาตาร์ว่าเป็น “ขบวนการต้มตุ๋น” พร้อมกับย้ำว่า “รู้สึกเหมือนกำลังถูกระบบตุลาการของกาตาร์ลักพาตัวเรียกค่าไถ่”
ทั้งนี้ หวงย้ายเข้าไปอยู่อาศัยในกาตาร์เมื่อปี 2012 เนื่องจากแมทธิว ซึ่งเป็นวิศวกร ได้เข้าร่วมในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ ที่กาตาร์รับเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาฟุตบอลโลกในปี 2022
เหล่าผู้สนับสนุนครอบครัวหวงกล่าวว่า พวกเขาเป็นครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกัน และยังได้รวบรวมหลักฐานสนับสนุนจากคนที่รู้จักสองสามีภรรยา ขณะอยู่ในกาตาร์ไปให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของประเทศ ทว่าถูกปฏิเสธ