เอเอฟพี - เหล่าผู้ประท้วงอินโดนีเซียเกิดปะทะกับตำรวจ บริเวณภาคกลางของประเทศวันพฤหัสบดี(27พ.ย.) ระหว่างชุมนุมต่อต้านราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน ตามหลังรัฐบาลประกาศลดการอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
ร่างของผู้ชุมนุมวัย 27 ปีถูกพบบนถนน หลังจากตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำเข้าสลายกลุ่มผู้ประท้วงราวๆ 200 คนที่พยายามฝ่าเข้าไปยังสำนักงานผู้ว่าการท้องถิ่นในเมืองมาคาสซาร์ บนเกาะสุลาเวสี
เกิดการชุมนุมย่อมๆหลายต่อหลายครั้งในเมืองแห่งนี้ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะลดการอุดหนุนราคาเชื้อเพลิง ส่งผลให้ราคาเบนซินและดีเซลปรับขึ้นทันทีราวร้อยละ30-35 โดยราคาเบนซินปรับขึ้น 2,000 รูเปียห์ต่อลิตร(5.38บาท) เป็น 8,500 รูเปียห์ต่อลิตร(ราว 22.86บาท) ส่วน ดีเซล เพิ่มขึ้น 2,000 รูเปียห์ เป็น 7,500 รูปเปียห์ต่อลิตร (ราว 20.17บาท)
พวกนักเศรษฐศาสตร์ต่างรู้สึกยินดีต่อความเคลื่อนไหวลดอุดหนุนน้ำมันครั้งนี้ เนื่องจากมันช่วยลดภาระงบประมาณแผ่นดิน แต่ขณะเดียวกันมันจะส่งผลกระทบอย่างสาหัสต่อคนยากจน เพราะต้นทุนในการขนส่งที่เพิ่มขึ้นก็จะทำให้ราคาอาหารสูงขึ้นตามไปด้วย
เอ็นดี ซูเทนดี โฆษกตำรวจท้องถิ่นบอกกับเอเอฟพีว่าผู้ชุมนุมที่มีทั้งนักศึกษาและชาวบ้านท้องถิ่น เริ่มปาก้อนหินเข้าใส่เจ้าหน้าที่ก่อน ตำรวจจึงขว้างก้อนหินกลับไป "ฝูงชนพังประตูสำนักงานผู้ว่าการ และตำรวจพยายามผลักดันพวกเขากลับไป และหลังจากเหล่าผู้ประท้วงถอยร่นไป ก็พบชายคนหนึ่งนอนรวยรินอยู่บนถนนในสภาพที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณด้านหลังศีรษะ"
ตำรวจบอกว่าเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนหาสาเหตุการตาย แต่รายงานเบื้องต้นบ่งชี้ว่าชายคนนี้ถูกตีบริเวณศีรษะขณะกำลังออกจากพื้นที่ชุมนุม
เมืองมาคาสซาร์ มักเป็นจุดประท้วงที่มีสถานการณ์เลวร้ายที่สุดต่อการขึ้นราคาน้ำมันครั้งที่ผ่านมาๆเช่นเดียวกับครั้งนี้ โดยจนถึงช่วงค่ำวันพฤหัสบดี(27พ.ย.) สภาวการณ์ต่างๆยังคงตึงเครียด ด้วยผู้ชุมนุมยังคงปักหลักอยู่บนท้องถนนและมีมอเตอร์ไบค์หลายคันถูกจุดไฟ
ทั้งนี้แม้มีการประท้วงขึ้นราคาน้ำมันตามเมืองอื่นๆทั่วประเทศเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในความสงบและมีจำนวนผู้เข้าร่วมน้อยกว่าการประท้วงใหญ่ขึ้นราคาเชื้อเพลิงคราวก่อน