เอพี –โฆเซ โซเครตีส อดีตนายกรัฐมนตรีโปรตุเกสถูกควบคุมตัวเพื่อรอการพิจารณาคดีวานนี้ (24 พ.ย.) ภายหลังที่อดีตผู้นำคนนี้ถูกรุมเร้าไปด้วยข้อกล่าวหาคอร์รัปชัน ฟอกเงิน และโกงภาษี
เอกสารของศาลระบุว่า ผู้พิพากษาตัดสินใจเช่นนี้ ภายหลังผลการไต่สวนนัดแรกชี้ว่า ตำรวจมีหลักฐานเพียงพอที่จะควบคุมตัวโซเครตีส ในข้อหาการกระทำผิดเบื้องต้น จูอา อเราโจ ทนายของโซเครติสกล่าวว่า ลูกความของเขาปฏิเสธข้อกล่าวหา และจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินจำคุก
ตามกฎหมายโปรตุเกส ตอนนี้อัยการจะเดินหน้าสืบสวนคดีต่อไป ก่อนที่จะมีการตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการกับอดีตผู้นำ ซึ่งเป็นขึ้นตอนที่กินเวลานานกว่า 6 เดือน จากนั้นผู้พิพากษาจะตัดสินว่าจะดำเนินคดีโซเครตีสหรือไม่ และหากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง เขาอาจถูกระวางโทษจำคุกสูงสุดถึง 21 ปี
โซเครตีส ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากพรรคสังคมนิยมกลางซ้ายของโปรตุเกสตั้งแต่ปี 2005 ถึง 2011 เขาถูกตำรวจจับกุมหลังเดินทางไปถึงท่าอากาศยานกรุงลิสบอนเมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ (21) และถูกควบคุมตัวในห้องขังตั้งแต่นั้นมา นอกจากนี้ตำรวจยังได้รวบตัวผู้ต้องสงสัยอีก 3 คนในการสืบสวนคดีนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยการรักษาความลับในการพิจารณาคดีระบุห้ามไว้ชัดเจนว่าไม่ให้เปิดเผยข้อมูลในระหว่างที่ยังมีการสืบสวน
สื่อโปรตุเกสรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวซึ่งเป็นตำรวจ โดยระบุว่า โซเครตีสในวัย 57 ปีตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเรียกรับสินบนจากบริษัทต่างๆ ในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนมีทรัพย์สินมหาศาลถึง 20 ล้านยูโร
การ์โลส ซันโตส ซิลบา หนึ่งในผู้ต้องสงสัยเป็นเพื่อนกับโซเครตีสมานาน และธุรกิจก่อสร้างของเขารุ่งเรืองเฟื่องฟูขึ้นในช่วงที่โซเครตีสเป็นผู้นำประเทศ และมีรายงานว่าพนักงานสืบสวนกำลังสงสัยว่า โซเครตีสอาจนำเงินสกปรกไปฝากไว้ที่ธนาคารสวิตเซอร์แลนด์ โดยใช้ชื่อ ซันโตส ซิลบา เป็นเจ้าของบัญชี
เมื่อฤดูร้อนที่แล้ว ธนาคารจดทะเบียนที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดของโปรตุเกส “บองโก เอสปีรีโต ซันโต” ได้ประกาศแยกกิจการ และ ริการ์โด เอสปีรีโต ซันโต ซัลกาโด ซีอีโอของธนาคาร ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลที่มีหน้ามีตาของประเทศ ก็ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมในข้อหาฉ้อโกง ปลอมแปลงเอกสาร และฟอกเงิน
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสอีกหลายคนในการสืบสวนกรณีการคอร์รัปชันที่มีชนวนเหตุมาจากการออกใบอนุญาตพำนักอาศัยให้แก่นักลงทุนล่ำซำจากนอกสหภาพยุโรป