เอเอฟพี – กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จัดส่งเรดาร์ 3 ตัวซึ่งจะสามารถตรวจจับกระสุนปืนครกที่ถูกยิงมาจากฝ่ายศัตรูให้แก่กองทัพยูเครนเมื่อวานนี้(21) หลังจากที่รัฐบาลเคียฟรบเร้าให้วอชิงตันส่งอาวุธเข้าไปช่วยต่อสู้กับกลุ่มแบกแย่งดินแดนโปรรัสเซียในภาคตะวันออก
ระบบเรดาร์ต่อต้านปืนครกถูกนำขึ้นเครื่องบินลำเลียง C-17 ไปยังยูเครน พร้อมๆกับที่รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เดินทางเยือนกรุงเคียฟในวันครบรอบ 1 ปีที่ชาวยูเครนได้ลุกฮือขับไล่อดีตประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยานูโควิช จนนำมาสู่การสูญเสียดินแดนไครเมียให้กับรัสเซีย และการต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของประเทศ
พ.อ. สตีเวน วอร์เรน โฆษกเพนตากอน แถลงว่า ระบบเรดาร์ต่อต้านปืนครกทั้งหมด 20 ตัวจะถูกทยอยส่งถึงมือกองทัพยูเครนภายในไม่กี่สัปดาห์หน้า โดยจะมีการฝึกซ้อมใช้งานในช่วงกลางเดือนธันวาคม
เรดาร์ชนิดนี้จะตรวจจับกระสุนปืนครกที่ฝ่ายศัตรูยิงเข้ามา พร้อมกับคำนวณทิศทางเพื่อหาต้นตอของมัน โดยสามารถนำไปติดไว้กับปืนครกหรือปืนใหญ่ที่จะใช้ยิงตอบโต้ได้ด้วย
“กองทัพยูเครนจะตัดสินใจเองว่าสมควรนำระบบนี้ไปใช้เมื่อไหร่ อย่างไร และที่ไหน” พ.อ. วอร์เรน เผย
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ยังคงปฏิเสธที่จะส่งอาวุธหรือกระสุนปืนไปยังยูเครน แต่อนุมัติการส่งอุปกรณ์ช่วยเหลือที่มิใช่อาวุธ เช่น เรดาร์ แว่นมองกลางคืน (night vision goggles) วิทยุ เสื้อเกราะ และอื่นๆ
อย่างไรก็ดี เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯได้รับฟังข้อเสนอแนะของ โทนี บลิงเกน เจ้าหน้าที่ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งระดับสูงทางการทูต ซึ่งระบุว่า วอชิงตันควรพิจารณาเรื่องการส่ง “อาวุธป้องกันตนเอง” ไปช่วยทหารยูเครน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนรวมไปถึงสมาชิกสภาคองเกรสบางคนต่างเรียกร้องให้ โอบามา ส่งอาวุธไปยังกรุงเคียฟ แต่เพนตากอนยืนกรานว่าสหรัฐฯ จะยังคงแนวปฏิบัติเดิม
“เท่าที่ผมทราบ รัฐบาลยังไม่ได้ตัดสินใจประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ ทั้งสิ้น” วอร์เรน ให้สัมภาษณ์
รัสเซียซึ่งถูกชาติตะวันตกกล่าวหาว่าส่งอาวุธและให้คำแนะนำต่อกบฏแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครน เคยเตือนสหรัฐฯ ว่าอย่าได้คิดส่งอาวุธเข้าไปช่วยทหารฝ่ายรัฐบาลเคียฟ