เอเอฟพี/มาร์เกตวอตช์ - ราคาน้ำมันและวอลล์สตรีทปิดบวกในวันพฤหัสบดี (20 พ.ย.) หลังตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ กลบข้อมูลที่น่าผิดหวังจากจีนและยูโรโซน ส่วนทองคำลงต่อเนื่อง 2 วันติด ยังอยู่ภายใต้แรงกดดันกรณีสวิตเซอร์แลนด์เตรียมจัดลงประชามติ่พิ่มถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันเป็นผลจากดัชนีการผลิตระดับภูมิภาคจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดมาก่อน ส่วนดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสำนักงานคอเฟอเรนซ์บอร์ด ซึ่งใช้ชี้วัดสภาวะทางเศรษฐกิจ ก็ดีขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้แล้วยอดขายบ้านมือสองของอเมริกาในเดือนธันวาคม ยังปรับขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
ตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ ข้างต้น ประกอบกับการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มพลังงาน ก็ช่วยผลักให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) ปิดบวกเล็กน้อย แต่ดาวโจนส์กับเอสแอลด์พี500 เดินหน้าทุบสถิติรอบใหม่
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 33.17 จุด (0.19 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,718.90 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.04 จุด (0.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,052.76 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 26.16 จุด (0.56 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,701.87 จุด
หุ้นกลุ่มพลังงานปิดบวกพอสมควร หลังจากราคาน้ำมันฟื้นตัวเมื่อวันพฤหัสบดี ในนั้นรวมถึงอาปาเช ที่ขยับขึ้นร้อยละ 3.1 และโคโนโคฟิลลิปส์ ที่ปิดบวกร้อยละ 1.5
ส่วนราคาทองคำวานนี้ (20 พ.ย.) ปิดลบ 2 วันติด จากข่าวข้อเสนอประชามติห้ามธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ทำการระบายทองคำสำรองออกมาและบังคับให้ SNB ถือครองสินทรัพย์อย่างน้อยร้อยละ 20 ในรูปของทองคำ กำลังสูญเสียแรงสนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,190.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์