ไลบีเรียยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินอีโบลา หลังยอดติดเชื้อไวรัสมรณะลดฮวบ

เอเอฟพี - ไลบีเรียวันพฤหัสบดี (13 พ.ย.) ยกเลิกภาวะฉุกเฉินเพื่อความอยู่รอดของชาติที่ประกาศเมื่อ 3 เดือนก่อนท่ามกลางการแพร่ระบาดของอีโบลา หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดอย่างฉับพลัน อย่างไรก็ตาม ยืนยันยังไม่ลดระดับมาตรการป้องกันลง โดยจะยังคงบังคับใช้เคอร์ฟิวต่อไป

ถ้อยแถลงที่มีออกมาหลังจากพบอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงฮวบฮาบ เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าไลบีเรียมีความเชื่อมั่นว่าพวกเขากำลังมีชัยเหนือไวรัสมรณะที่คร่าชีวิตประชาชนในประเทศเกือบ 3,000 ศพ “ผมได้แจ้งต่อผู้นำของสมาชิกสภาแห่งชาติว่าผมจะไม่ขอขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน” ประธานาธิบดีเอเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ แจ้งผ่านเครือข่ายสถานีวิทยุแห่งรัฐ

นางเซอร์ลีฟ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 3 เดือนเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ต่ออันตรายจากอีโบลา ที่ในตอนนั้นคร่าชีวิตผู้คนทั่วแอฟริกาตะวันตกแล้วราวๆ 1,000 คน ทั้งนี้เดิมทีรัฐสภามีกำหนดเปิดการพิจารณาว่าจะขยายคำสั่งออกไปหรือไม่ แต่เป็นประธานาธิบดีหญิงที่เข้าแทรกแซงก่อนและยกเลิกประกาศดังกล่าว

ผู้นำหญิงรายนี้กล่าวว่า “ด้วยความคืบหน้าต่างๆที่เราเห็นประกอบกับมาตรการต่างๆนานาและการแทกแซงอย่างที่กำลังดำเนินการอยู่ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ประเทศของเราอยู่ในสถานะใหม่ในการยืนหยัดต่อสู้กับไวรัส จนกว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะถูกขจัดให้หมดไปจากประเทศของเรา”

เธอกล่าวเสริมว่าไลบีเรียได้ดำเนินการอย่างเฉียบขาดด้วยกำหนดกฎระเบียบใหม่อันเข้มงวดในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปิดพรมแดน บังคับใช้เคอร์ฟิว กักกันโรค ปิดโรงเรียนและจำกัดการรวมกลุ่มของประชาชน “ในขณะที่ไวรัสรุกคืบเข้ามา มีทีท่าอย่างชัดเจนว่าเป็นอันตรายต่อประเทศของเรา ชาติเพื่อนบ้านและชาติอื่นๆทั่วโลก เราถูกบีบให้ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน เราได้ต่อสู้ เราวิงวอนโลก ร้องขอประชาชน ซึ่งประชาชนก็รับฟังเรา เช่นเดียวกับโลกที่ตอบสนองเป็นอย่างดี วันนี้เราทุกคนควรภูมิใจต่อความคืบหน้านี้”

ตัวเลขอย่างเป็นทางการพบว่าอีโบลาคร่าชีวิตผู้คนแล้วมากกว่า 5,100 ศพทั่วแอฟริกาตะวันตก ในนั้น 2,836 ศพอยู่ในไลบีเรีย ชาติที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด ขณะที่คาดหมายว่ายอดเหยื่อรวมที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้ถึง 3 เท่า

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไลบีเรียระบุเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างฉับพลันจากระดับพีคสุดวันละ 500 คนเหลือแค่ราวๆ 50 คนเท่านั้น กระนั้นก็ดี เวอร์ลีฟกล่าวเตือนผู้ฟังว่า ในขณะที่ภาพรวมเต็มไปด้วยความหวัง แต่ยังพบเห็นการแพร่ระบาดในจุดล่อแหลมตามพื้นที่ชนบท และคาดหมายว่ายังจะมีประชาชนอีกมากที่ต้องจบชีวิตด้วยไวรัสมรณะชนิดนี้

“เราไม่สามารถลดการ์ดหรือลดระดับระแวดระวังลงได้” เธอกล่าว พร้อมเผยว่าประกาศเคอร์ฟิวจะยังมีผลบังคับใช้ต่อไป เพียงแต่ผ่อนปรนเวลาลงอีก 1 ชั่วโมง โดยกำหนดให้ประชาชนต้องอยู่แต่ในที่พักอาศัยหลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว

เด็กนักเรียนมีกำหนดเปิดเทอมในเดือนกันยายน แต่โรงเรียนต่างๆทั่วประเทศไม่มีการเรียนการสอนมาตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม ในเรื่องนี้ เซอร์ลีฟกล่าวว่า “การตัดสินใจเปิดเรียนเมื่อไหร่จะขึ้นอยู่กับความคืบหน้าในการต่อสู้กับอีโบลา”