รอยเตอร์ - องค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อวันพุธ (5 พ.ย.) พบหลักฐานบ่งชี้ว่าความพยายามจัดการกับอีโบลากำลังได้ผล หลังพบจำนวนผู้ติดเชื้อชะลอตัวในไลบีเรีย 2 สัปดาห์ติดและทรงตัวที่กินี แม้ในเซียร์ราลีโอน ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลกระบุว่าช่วง 21 วันที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นช่วงเวลานานสุดของระยะฟักตัว ทั้ง 3 ประเทศรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 1,828 ราย โดยร้อยละ 64 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ในเซียร์ราลีโอน ร้อยละ 22 ในไลบีเรีย ส่วน กินี มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ร้อยละ 14 ของจำนวนดังกล่าว
องค์การอนามัยโลกแถลงถึงภาวะการแพร่ระบาดที่ชะลอตัวลงในไลบีเรียเป็นครั้งแรกเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ซึ่งสร้างความประหลาดใจแก่เหล่าผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก เนื่องจากเคยเตือนว่าไวรัสมรณะนี้น่าจะยังคงแพร่ระบาดในอัตราที่เป็นทวีคูณ
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขดังกล่าวอาจเป็นหลักฐานแรกที่บ่งชี้ว่าความพยายามจัดการกับอีโบลากำลังได้ผล แต่ก็เตือนว่าการแพร่ระบาดยังคงอยู่นอกเหนือการควบคุม
อย่างไรก็ตาม ในเมืองหลวงของทั้ง 3 ประเทศยังคงพบอัตราการติดโรคไวรัสมรณะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กระนั้นกลับไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในศูนย์กลางของการแพร่ระบาด จังหวัดเกกเกดูของกินี
นอกจากนี้แล้ว ในรายงานล่าสุดขององค์การอนามัยโลก ยังปรับลดยอดรวมสะสมของเหยื่ออีโบลาเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตในเซียร์ราลีโอน น้อยลงจากข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (31 ต.ค.) ถึง 440 คน แต่ยอดผู้เสียชีวิตในไลบีเรีย เพิ่มขึ้น 284 ศพเช่นเดียวกับกินีที่เพิ่มขึ้น 23 ศพ
อนามัยโลกให้เหตุผลของการปรับแก้ครั้งนี้ว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงแหล่งที่มาของข้อมูล จากเดิมที่รวบรวมจากฐานข้อมูลคนไข้และรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขประเทศต่างๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลกเอง แต่เวลานี้เปลี่ยนไปพึ่งตัวเลขจากรายงานของประเทศนั้นๆแทน
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่งผลให้จนถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน มีผู้เสียชีวิตด้วยไวรัสมรณะ 4,818 ราย จากผู้ติดเชื้อ 13,042 คน น้อยกว่าข้อมูลที่อัพเดทล่าสุดเมื่อวันศุกร์(31ต.ค.) ทีพบผู้เสียชีวิต 4,951 ราย อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกเตือนว่าตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าความเป็นจริง
