เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - องค์กรการกุศลชื่อดัง “ออกซ์แฟม ออสเตรเลีย” ออกโรงในวันอังคาร (11 พ.ย.) เตือนกลุ่มประเทศจี-20 ถึงอันตรายของ “ความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ” ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยระบุว่าถึงเวลาแล้วที่บรรดาเขตเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลกต้องเร่งแก้ปัญหานี้ ก่อนที่ประชากรโลกจำนวนหลายล้านคนจะ “ติดกับดักความยากจน” และการเติบโตของเศรษฐกิจประสบภาวะชะงักงัน
รายงานฉบับล่าสุดของออกซ์แฟม ออสเตรเลีย ที่มีการเผยแพร่ออกมาก่อนหน้าการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศจี-20 (G-20 summit) ที่นครบริสเบนของออสเตรเลียระบุว่า ในเวลานี้ความมั่งคั่งของกลุ่มจี-20 ซึ่งประกอบด้วยเขตเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดของโลกได้ปรับพุ่งสูงขึ้นเป็นกว่า 17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 559 ล้านล้านบาท) นับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่มีข้อมูลที่น่าตกใจว่า กลุ่มคนรวยที่สุด 1 เปอร์เซ็นต์แรกในกลุ่มประเทศจี-20 นี้กลับเป็นผู้ครอบครองความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจเอาไว้ในมือคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1 ใน 3 ของความมั่งคั่งทั้งหมด
เฮเลน โซเก ผู้อำนวยการองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรแห่งนี้ระบุว่า ในปัจจุบันช่องว่างระหว่างคนรวยและคนยากจนทั่วโลกยิ่งทวีความห่างจากกันมากขึ้น และปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจกำลังกลายเป็นปัญหาที่ต้องถูกพูดถึงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ พร้อมย้ำประเทศต่างๆ มิอาจบรรลุเป้าหมายในการสร้างความเติบโตได้อย่างเต็มภาคภูมิ หากยังมีประชาชนในประเทศของตนที่ถูก “ทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง” เพราะติด “กับดักความยากจน”
รายงานของออกซ์แฟม ออสเตรเลียเรียกร้องให้ผู้นำกลุ่มประเทศจี-20 ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจในระหว่างการประชุมสุดยอดที่จะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ รวมถึงเรียกร้องให้มีการหาทางออกร่วมกันในการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมรณะ “อีโบลา” ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก และปัญหาการหลบเลี่ยงภาษีของบรรดาบริษัทข้ามชาติ ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน
ทั้งนี้ องค์กรการกุศลออกซ์แฟม ออสเตรเลียก่อตั้งขึ้นโดยบาทหลวงเจอราร์ด เคนเนดี ทักเกอร์ ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1950 เพื่อช่วยเหลือคนยากจนในทวีปเอเชียในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีการตั้งสำนักงานแห่งแรกที่นครเมลเบิร์นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 ก่อนจะมีการเปลี่ยนชื่อเป็นออกซ์แฟม ออสเตรเลียเมื่อปี 2005 และที่ผ่านมาได้ให้ความช่วยเหลือต่อคนยากจนไปแล้วมากกว่า 4.64 ล้านคนใน 28 ประเทศ
