เอเอฟพี - ชาวอิหร่านหลายพันคนรวมตัวกันรอบนอกอดีตที่ตั้งสถานทูตสหรัฐฯในกรุงเตหะรานเมื่อวันอังคาร (4 พ.ย.) ในวาระรำลึกถึงเหตุการณ์นักศึกษาบุกยึดสถานทูตอเมริกาเมื่อ 35 ปีก่อน ซึ่งเป็นชนวนบาดหมางตัดความสัมพันธ์กันมาตั้งแต่นั้น
การชุมนุมซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ได้กลายเป็นการรวมตัวเพื่อแสดงพลังต่อต้านวอชิงตันและพันธมิตรอย่างอิสราเอลกับสหราชอาณาจักรไปแล้ว ขณะที่ในปีนี้ยังตรงกับพิธีอาชูรา ระลึกถึงอิหม่ามฮุสเซน หนึ่งในวันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของอิสลามชีอะห์ ที่คนส่วนใหญ่ของประเทศนับถืออีกด้วย
ในปีนี้มีผู้ชุมนุมเข้าร่วมราว 2,000 ถึง 3,000 คน ซึ่งถือว่าน้อยกว่าช่วงหลายปีที่ผ่านๆมา เนื่องจากมันตรงกับพิธีสำคัญทางศาสนาซึ่งทางการกำหนดให้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ อย่างไรก็ตามระหว่างการประท้วงก็ได้มีการเผาธงชาติสหรัฐฯ อิสราเอล รวมถึงสหราชอาณาจักรเช่นเคย
หลังจากเหตุการณ์ปฏิวัติอิสลามในอิหร่านเมื่อ 35 ปีก่อนกลุ่มนักศึกษาหัวรุนแรงชาวอิหร่านก็ได้บุกโจมตีและยึดสถานทูตสหรัฐฯ โดยอ้างว่าเป็นศูนย์กลางของการวางแผนต่อต้านอิหร่านและจับตัวชาวอเมริกัน 52 คนเป็นตัวประกัน นาน 444 วัน ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเลวร้ายลง และทั้งสองประเทศก็ไม่มีความสัมพันธ์ในระดับปกติตั้งแต่นั้นมา
อย่างไรก็ตาม ขวบปีที่ผ่านมาเริ่มพบเห็นความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรขึ้น ด้วยนายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และนายโมฮัมเหมด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน พบปะกันเป็นประจำ ในการเจรจาที่มีเป้าหมายบรรลุข้อตกลงประนีประนอมเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน
“นั่นคือเรื่องทางการทูต แต่ผมมาที่นี่เพื่อระลึกถึงการกดขี่ ความโหดเหี้ยมและความอยุติธรรมของอเมริกา” ฮาเมด คาร์การี นักศึกษาวัย 24 ปีบอก หลังถูกถามว่าการเจรจานิวเคลียร์มีส่วนกับจำนวนผู้ประท้วงที่ลดลงในปีนี้หรือไม่