เอเอฟพี - ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น ตัดสินใจคงมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในวันนี้ (31 ต.ค.) ซึ่งเป็นการมุ่งเป้าฟื้นฟูการเติบโต ส่งผลให้ค่าเงินเยนตกต่ำลงไป แต่ตลาดหุ้นแดนปลาดิบกลับทะยานพุ่งสูงขึ้น
หลังจากที่มีการประชุมเป็นเวลา 1 วัน บรรดาผู้กำหนดนโยบายก็ออกมาระบุว่า พวกเขาจะอัดเม็ดเงิน 20 ล้านล้านเยนเข้าไปในโครงการซื้อสินทรัพย์ของธนาคารกลาง ทำให้โครงการนี้มีวงเงินอยู่ที่ 80 ล้านล้านเยน
การตัดสินใจดังกล่าวได้ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนตัวลงไปอยู่ที่ 110.90 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยมีให้เห็นมาก่อน นับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2008 ขณะที่ดัชนีหุ้นนิเคอิ 225 มีการปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกหลังจากแบงค์ชาติได้เดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรมูลค่ามหาศาลในเดือนเมษายนปีที่แล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรับมือกับภาวะฝืดเคืองที่มีมาหลายปีและหวังกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้วิ่งฉิวอีกครั้ง
การตัดสินใจของแบงค์ชาติญี่ปุ่นในวันนี้ ถูกจับตามองว่าสวนกระแสกับสหรัฐฯ หลังจากที่เมื่อวันพุธ (29 ต.ค.) ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจหยุดการซื้อพันธบัตรที่ทำมากว่า 6 ปี และหันมาพิจารณาจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ในวันพฤหัสบดี (30 ต.ค.) ทางกระทรวงพาณิชย์ยังได้ระบุอีกว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ว่าจะได้แค่ 3.0 เปอร์เซ็นต์
ส่วนทางด้านญี่ปุ่น การเติบโตทางเศรษฐกิจหดตัวลงมา 7.1 เปอร์เซ็นต์ต่อปีในช่วงไตรมาส 2 เพราะได้รับผลกระทบจากภาษีการขายเมื่อเดือนเมษายน ทำให้หลายฝ่ายเกรงว่าจะได้เห็นการตกต่ำเกิดขึ้นอีกครั้งสำหรับไตรมาส 3 ซึ่งโดยเทคนิคแล้วจะส่งผลให้ประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอย
คำแถลงของแบงค์ชาติญี่ปุ่น ระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้ผ่านมติความเห็นชอบ 5 ต่อ 4 เสียง พร้อมทั้งยอมรับด้วยว่า ภาษีการขายที่สูงขึ้นได้สร้างปัญหาให้กับเป้าหมายเงินเฟ้อ 2.0 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า จนนำมาสู่การตัดสินใจในวันนี้
"เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวแบบพอประมาณอยู่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีกระแสคาดการณ์ว่า อาจจะโตขึ้นอย่างต่อเนื่องได้มากกว่าที่คิด อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องราคาที่เกิดจากความต้องการจับจ่ายใช้สอยลดลง อันเนื่องมาจากการปรับภาษีการขายเพิ่มขึ้น รวมถึงการราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ทำให้เกิดแรงกดอัตราเงินเฟ้อให้ลดลงในช่วงหลังๆ" ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น ระบุในคำแถลง
"หากแรงกดนี้ยังคงมีอยู่ แม้ว่าจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ก็จะทำให้มีความเสี่ยงที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาเงินฝืด ซึ่งดำเนินกันมาอย่างต่อเนื่อง อาจจะต้องล่าช้าออกไปอีก เพื่อป้องกันปัญหาเหล่านั้น รวมถึงเพื่อรักษาโมเมนตัมไว้ในทิศทางที่ดี ทางธนาคารจึงได้ตัดสินใจขยายมาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อไปอีก" แบงค์ชาติ ระบุ
ก่อนหน้านี้ มีการเปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าในเดือนกันยายน อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง ขณะที่การจับจ่ายใช้สอยในครัวเรือนก็ตกต่ำลงด้วย เนื่องจากผู้บริโภคพากันรัดเข็มขัด ไม่ยอมจับจ่าย
แบงค์ชาติญี่ปุ่นคาดว่าจะออกรายงานการประเมินเศรษฐกิจในคืนวันศุกร์ และน่าจะได้เห็นตัวเลขที่ลดลง ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีการลดตัวเลขการคาดการณ์เศรษฐกิจสำหรับปีงบประมาณนี้ไว้แล้ว ให้อยู่ที่ 1.0 เปอร์เซ็นต์ ลดลงมาจากที่เคยคาดไว้ 1.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อช่วงปลายปี 2013