เอเจนซีส์/เอเอฟพี - ประธานาธิบดีแบลส กอมปาโอเร ( Blaise Compaore ) ยืนกรานที่จะยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป แต่เสนอช่องทางออกเพื่อความปรองดองภายใต้รัฐบาลรักษาการที่จะจัดตั้งใหม่โดยมีตัวเขาเป็นผู้นำ หลังจากเกิดเหตุจลาจลขับไล่เขาพ้นจากตำแหน่งเนื่องมาจากความไม่พอใจในความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ยังคงสามารถยึดระยะปกครองประเทศต่อ และในที่สุดนำไปสู่การถูกรัฐประหารโดยกองทัพของตัวเอง
ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ประท้วงชาวบูร์กินาฟาโซในแอฟริกาต่างโกรธแค้นในความพยายามที่ประธานาธิบดีแบลส กอมปาโอเร ( Blaise Compaore )แก้รัฐธรรมนูญหลังจากปกครองประเทศมาอย่างยาวนานถึง 27 ปี พวกเขาได้จุดไฟเผาตึกสมัชชาแห่งชาติในกรุงวากาดู และทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้ผู้นำประเทศลาออก รวมไปถึง ปล้นสะดมสำนักงานต่างๆและวางเพลิงรถยนต์หลายคัน จากนั้นก็โจมตีสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ
แต่กอมปาโอเรยืนกรานที่จะไม่ลาออก และเสนอรัฐบาลชั่วคราวเป็นทางออกโดยที่มีตัวเขาเป็นผู้นำจนกว่าจะครบวาระ และยังเสนอจะประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินที่ได้ออกบังคับใช้ไปแล้ว โดยในการประกาศก่อนหน้านี้ กอมปาโอเรออกมาเรียกร้องให้กองทัพทำหน้าที่ของตนเองด้วยการบังคับใช้ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อนำความสงบกลับคืน
แต่หลังจากนั้น ทางกองทัพบูร์กินาฟาโซกลับออกแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ ลงนามโดยพลเอกนาเบเร โฮโนเร ตราโอเร เสนาธิการทหารว่า พวกเขาได้ยึดอำนาจและให้สัญญาจะคืนสู่การปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญภายใน 12 เดือน พร้อมกันนั้นยังกำหนดเคอร์ฟิวช่วงพระอาทิตย์ตกถึงรุ่งสาง ประกาศยุบสภาและรัฐบาล งดใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญชั่วคราว รวมถึงจัดตั้งคณะเปลี่ยนผ่านขึ้นมาบริหารประเทศ อย่างไรก็ตามไม่มีการพาดพิงถึงสถานะของประธานาธิบดีกอมปาโอเร
การเข้ายึดอำนาจของกองทัพมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง ตามหลังโฆษกประธานาธิบดี แถลงว่าแบลส กอมปาโอเรประธานาธิบดีแห่งบูร์กินาฟาโซได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ
ซึ่งเอเอฟพีรายงานว่า ในคืนวันพฤหัสบดี(30) ยังไม่ชัดว่าใครมีอำนาจสูงสุดในการควบคุมประเทศ
บีบีซี สื่ออังกฤษ วิเคราะห์ถึงข้อเรียกร้องของกอมปาโอเรที่ประกาศว่า ได้ยินเสียงข้อเรียกร้องของผู้ประท้วง แต่ไม่พร้อมจะทำตาม แต่อย่างไรก็ตามกอมปาโอเรเสนอให้เปิดโต๊ะพูดคุยหาทางออกกับทุกฝ่ายเพื่อตั้งชุดรัฐบาลรักษาการขึ้นโดยที่ตัวเขาจะดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าชุดรัฐบาลนี้ต่อไปจนกว่าจะถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบใหม่ ซึ่งสมัยการดำรงตำแหน่งของกอมปาโอเรจะสิ้นสุดลงในเดือนพฤศจิกายน 2015 ดังนั้นการที่จะยังอยู่ในอำนาจต่อในขณะนี้จึงชอบด้วยกฏหมาย
แต่บีบีซีตั้งคำถามว่าประธานาธิบดีบูร์กินาฟาโซที่เพิ่งถูกทำรัฐประหารจะมีความชอบธรรมหลงเหลืออยู่หรือไม่
บรรดาหัวหน้าฝ่ายต้านและผู้ประท้วงประสานเสียงว่า กอมปาโอเรไม่มีความชอบธรรมที่จะปกครองประเทศต่อไป และต้องการให้เขาลาออกจากตำแหน่ง
ซึ่งดูเหมือนว่ากอมปาโอเร ต้องการให้ทุกอย่างดูสงบลง แต่แถลงการณ์ล่าสุดของกอมปาโอเร ยังคกับชายที่ยังคงต้องการให้ตนเองเดินหน้าในสิ่งที่ต้องการต่อไป และนั่นจะเป็นสูตรสำเร็จเชื้อไฟอย่างดีในการเกิดความไม่สงบในประเทศ
แต่อย่างไรก็ตามผู้นำการทำรัฐประหารยังไม่ได้ส่งสัญญาณใดออกมาที่จะชี้ตัวผู้นำรัฐบาลชั่วคราวชุดใหม่ที่จะจัดขึ้น
ในการถ่ายทอดสดของโทรทัศน์ท้องถิ่นหลังจากกองทัพบูร์กินาฟาโซประกาศยึดอำนาจ กอมปาโอเรแถลงถึงความชื่นชมใน “การกระทำที่แสดงออกถึงการรักชาติของกองทัพ” แต่กอมปาโอเรกล่าวว่า เขายืนกรานที่จะส่งต่ออำนาจไปให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้นหลังจากรัฐบาลชุดรักษากาลสิ้นสุดลง
และกอมปาโอเรแสริมว่า เขากำลังถอนกฎหมายอื้อฉาวที่จะทำให้ตัวเขาสามารถขยายเวลาการปกครองประเทศได้ต่อไป
ซึ่งแผนการของกอมปาโอเรที่จะลงรับสมัครการเลือกตั้งอีกครั้งสร้างความไม่พอใจและนำไปสู่การประท้วงของประชาชนในเมืองหลวงของประเทศ
กอมปาโอเร มีอายุ36 ปี เมื่อตอนที่เขาก่อรัฐประหารปี 1987 และอยู่ในอำนาจมานับแต่นั้น โดยตั้งแต่ปี 1991เขาได้รับการเลือกตั้งกลับมานั่งเก้าอี้ผู้นำอีก 4 สมัย แบ่งเป็นสมัยที่มีวาระการดำรงตำแหน่ง 7 ปี 2 สมัยและ 5 ปีอีก 2สมัย ก่อนที่ปี 2005 จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจำกัดวาระการดำรงตำแหน่ง และกอมปาโอเรกำลังนั่งเก้าอี้ผู้นำครบ 2 สมัยอีกไม่ช้านี้ ขณะที่ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2015
พวกฝ่ายต่อต้านกังวลว่าแผนแก้ไขรัญธรรมนูญ ไม่ใช่แค่การเปิดทางให้กอมปาโอเรกลับมาลงรับสมัครเลือกตั้งได้เพิ่มอีก 1 สมัย แต่อาจเลยเถิดไปถึง 3 สมัย ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเขาจะอยู่ในอำนาจต่อไปอีก 15 ปี อย่างไรก็ตามพรรคใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ในรัฐสภา อ้างว่าพวกเขาจะสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยให้รัฐสภามีเสียงข้างมาก 2 ใน 3 เพียงพอที่จะดำเนินการแก้ไขใดๆโดยไม่จำเป็นต้องจัดทำประชามติก่อน
ผู้นำฝ่ายต้านคนสำคัญ Zephirin Diabre ได้กล่าวกับวิทยุท้องถิ่นว่า เขารับไม่ได้ในการประกาศภาวะฉุกเฉิน “เราขอเรียกร้องให้ประชาชน บูร์กินาฟาโซออกมาที่ท้องถนนเพื่แสดงออกถึงการไม่เห็นด้วย การลาออกของประธานาธิบดีกอมปาโอเรเท่านั้นที่จะนำความสงบกลับคืนสู่ประเทศแห่งนี้”
บีบีซีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 รายในการก่อจลาจลครั้งนี้ แต่เอเอฟพีรายงานว่าผู้นำฝ่ายค้านอ้างว่ามีผู้ประท้วงจำนวน 30คนถูกสังหารทั่วประเทศด้วยน้ำมือของเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบที่ใช้อำนาจป่าเถื่อนเข้าสลายผู้ชุมนุม รวมไปถึงผู้บาดเจ็บอีกราว 100
บีบีซีรายงานเพิ่มเติมว่า กองทัพบูร์กินาฟาโซสาดกระสุนเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามเข้ายึดตึกสมัชชาแห่งชาติกินาฟาโซ และผู้ประท้วงยังมุ่งหน้าไปยังทำเนียบประธานาธิบดี ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์ที่บินวนได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ประท้วง รอยเตอร์รายงาน
และพยานในเหตุการณ์ให้สัมภาษณ์ว่า มีทหารส่วนหนึ่งเข้าร่วมการประท้วงครั้งนี้ด้วยที่ย่านจตุรัสในใจกลางเมืองหลวงของประเทศ รวมไปถึงอดีตรัฐมนตรีกลาโหมบูร์กินาฟาโซ Kouame Lougue โดยบีบีซีรายงานว่า ผู้ประท้วงเรียกร้องให้อดีตรัฐมนตรีผู้นี้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป
