รอยเตอร์ - ตำรวจและผู้ประท้วงปะทะกันอย่างดุเดือด หลังจากประชาชนหลายหมื่นคนเดินขบวนไปทั่วเมืองหลวงของบูร์กินาฟาโซ เมื่อวันอังคาร (28 ต.ค.) เพื่อเรียกร้องประธานาธิบดี แบลส กอมปาโอเร ยกเลิกแผนแก้ไขข้อจำกัดวาระดำรงตำแหน่ง ที่เขาหวังว่าจะอยู่ในอำนาจต่อไป
ก่อนหน้านี้ ในตอนเช้า การเดินขบวนผ่านใจกลางกรุงวากาดูกู เป็นไปอย่างสันติ ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบเชียบผิดปกติ เนื่องจากแหล่งธุรกิจทั้งหลายได้ปิดบริการล่วงหน้ารับมือกับชุมนุม ทว่าในเวลาต่อมาก็ได้เกิดเหตุปะทะขึ้นระหว่างที่ผู้ประท้วงพยายามรุกคืบไปยังสมัชชาแห่งชาติ
การประท้วงในวันอังคาร (28 ต.ค.) ถือเป็นการเริ่มมาตรการอารยะขัดขืนตามที่ฝ่ายค้านเคยประกาศไว้ หลังจากรัฐบาลร้องขอให้สมัชชาแห่งชาติสั่งจัดลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้นายกอมปาโอเร ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกสมัยในปีหน้า แม้ว่าเขาจะอยู่ในตำแหน่งจนครบวาระแล้วก็ตาม
ผู้ประท้วงพากันตะโกนว่า “ออกไปๆ” และ “อย่าแตะต้องมาตรา 37” อ้างถึงความพยายามแก้ไขบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้นายกอมปาโอเร ที่อยู่ในอำนาจมาหลายวาระนานรวมกว่า 27 ปี ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยในปีหน้า ส่วนคนอื่นๆ ก็ถึงขั้นเปรียบเขากับอีโบลา ไวรัสที่คร่าชีวิตผู้คนเกือบ 5,000 ศพ ในชาติเพื่อนบ้านอย่างไลบีเรีย กินี และ เซียร์ราลีโอน
กลุ่มผู้ชุมนุมเดินขบวนมุ่งไปยังสมัชชาแห่งชาติ ซึ่งมีกำหนดยกมือโหวตกฎหมายนี้ในวันพฤหัสบดี (30 ต.ค.) อย่างไรก็ตาม พวกเขาถูกกองกำลังความมั่นคงยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำสกัดไว้ ส่วนผู้ประท้วงก็จุดไฟเผายางและขว้างปาก้อนหินตอบโต้ ในเหตุปะทะที่เกิดขึ้นรอบๆ วงเวียนสหประชาชาติ
ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่า ในเมืองโบโบ ดิเยาลาสโซ เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของบูร์กินาฟาโซ ห่างจากเมืองหลวงไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 330 กิโลเมตร ผู้ประท้วงช่วยกันดึงรูปปั้นของนายกอมปาโอเรจนล้มครืน ผิดกับรูปปั้นที่อยู่ติดกันของ นายมูฮัมมาร์ กัดดาฟี อดีตประธานาธิบดีลิเบียผู้ล่วงลับ ซึ่งอยู่ในสภาพไม่บุบสลาย เหตุเพราะอดีตผู้นำรายนี้เป็นที่ชื่นชมในหมู่ประชาชนของชาติยากจนในทวีปแอฟริกาบางประเทศ เนื่องจากเขาบริจาคเงินช่วยเหลือประเทศเหล่านั้น
นับตั้งแต่ก่อรัฐประหารยึดอำนาจในปี 1987 นายกอมปาโอเร ชนะศึกเลือกตั้งมาแล้วหลายรอบ โดยครั้งสุดท้ายคือเมื่อปี 2010 อย่างไรก็ตามเขาต้องมาเผชิญกับการประท้วงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนจากกองทัพที่เคยภักดีในปี 2011 และแผนทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ก็กำลังสร้างความแตกแยกภายในประเทศ