เอพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯเดินทางร่วมงานสาบานตนเข้าสู่ตำแหน่งของ โจโก วิโดโด (Joko Widodo) ประธานาธิบดีอินโดนีเซียคนใหม่ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมล่าสุด โดยจุดประสงค์การประสงค์การบินตรงจากบอสตันของเคร์รีครั้งนี้เพื่อต้องการให้ 3 ประเทศมุสลิมใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ความร่วมมือสหรัฐฯ “อย่างเป็นรูปธรรม” ในการต่อต้านกลุ่มมุสลิมติดอาวุธ IS ที่กำลังขยายพื้นที่การรุกรานในอิรักและซีเรีย รวมไปถึงร้องขอความร่วมมือในการรับมือโรคอีโบลา รวมไปถึงพยายามที่จะแสดงให้กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เห็นความสำคัญของนโยบาย “ปักหมุดเอเชีย” ที่ประกาศในสมัยรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งกำลังจะหมดสมัยลงในปี 2016
จอหน์ เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯใช้โอกาสเป็นตัวแทนประเทศเพื่อร่วมงานสาบานตนเข้าสู่ตำแหน่งของ โจโก วิโดโด (Joko Widodo) ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย โดยเคร์รีได้เดินทางมาถึงกรุงจาการ์ตาในวันจันทร์(20) หลังจากบินตรงจากบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ตั้งแต่วันเสาร์(18) ซึ่งก่อนหน้านั้นเคร์รีได้มีโอกาสต้อนรับและพบปะหยาง เจียฉี(Yang Jiechi ) มนตรีแห่งรัฐของรัฐบาลจีนที่นั่น
และนอกจากที่จะร่วมพิธีสาบานตัวของวิโดโดแล้ว เคร์รีจะพบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากออสเตรเลีย บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงค์โปร์ ก่อนเดินทางต่อไปยังเยอรมันในวันพรุ่งนี้(21)
ซึ่งในการพบปะกับตัวแทนประเทศต่างๆนั้น โดยเฉพาะบรูไนและฟิลิปปินส์ที่ขณะนี้มีปัญหาด้านพื้นที่พิพาททางทะเลตะวันตกกับจีน ซึ่งเกี่ยวโยงกับสิทธิการครอบครองทรัพยากรธรรมชาติน้ำมันที่สหรัฐฯหวังว่าข้อขัดแย้งต่างๆนี้สามารถคลี่คลายโดยการใช้ทางแก้ปัญหาด้วยการเจรจา ซึ่งปัญหาข้อพิพาทเขตแดนทะเลตะวันตกถือเป็นหัวใจหลักของการสนทนาระหว่างเคร์รีและหยาง เจียฉีในบอสตัน
ทั้งนี้สหรัฐฯคาดหวังว่า อินโดนีเซียในฐานะที่เป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมไปถึงบรูไน และมาเลเซีย จะมีบทบาทสำคัญในการร่วมมือกับสหรัฐฯต่อต้านกลุ่มมุสลิมสุหนี่ติดอาวุธ IS อย่างเป็นรูปธรรมให้มากกว่านี้ และปิดกั้นข้อมูลชวนเชื่อจากกลุ่มติดอาวุธที่กำลังขยายพื้นที่อิทธิพลในอิรักและซีเรีย
สหรัฐฯหวังว่าประเทศมุสลิมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะไม่ทำให้นักรบญิฮัด IS สามารถหาแนวร่วมเพิ่มมากขึ้นจากประเทศเหล่านี้ รวมไปถึงต้องการไม่ให้ IS สามารถเผยแพร่แนวคิดก่อการร้ายได้ในประเทศ ป้องกันการเดินทางเข้ามาของนักรบญิฮัดต่างชาติ และทะลายแหล่งสนับสนุนการเงินของกลุ่ม IS
ส่วนเป้าหมายด้านโรคอีโบลา รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯต้องการร้องขอความร่วมมือประเทศต่างๆในการให้ความร่วมมือเพิ่มมากขึ้นกับประชาคมนานาชาติเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคมรณะที่ยังไม่มีทางรักษา แหล่งข่าวกระทรวงต่างประเทศเผยกับเอพี โดยก่อนหน้านี้ฟิลิปปินส์ประกาศไม่ส่งเจ้าหน้าที่การแพทย์เดินทางไปร่วมสู้อีโบลาที่แอฟริกาตะวันตกเนื่องจากต้องการให้บุคคลากรทางการแพทย์มีจำนวนเพียงพอเพื่อรับมือหากเกิดการระบาดลามเข้ามาในประเทศ
และนอกจากนี้ อีกทั้งสหรัฐฯต้องการให้ประเทศในแถบเอเชียตระหนักว่า สหรัฐฯยังคงให้ความสำคัญกับแผนปักหมุดเอเชียที่ริเริ่มใดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ที่สหรัฐฯเห็นว่าภูมิภาคนี้มีเศรษฐกิจการเติบโตที่รุดหน้ามากที่สุดในโลก ซึ่งในเดือนหน้าประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเดินทางมาเยือน จีน พม่า และออสเตรเลีย ตามลำดับ
แต่ทว่าจากสิ่งที่แหล่งข่าวกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯให้ข้อมูลกลับขัดแย้งกับสิ่งที่สหรัฐกระทำ จะพบว่าในรอบ 20 เดือนที่ผ่านมาล่าสุด จอห์น เคร์รีเจ้ากระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯมาเยือน เอเชีย 8 ครั้ง ในขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับภูมิภาคตะวันออกกลางที่เป็นหัวใจความขัดแย้งและปัญหาก่อการร้าย สื่อตะวันออกกลาง โอมาน ทริบูน รายงานในวันที่ 22 เมษายน 2014 ว่า นับตั้งแต่จอห์น เคร์รี เข้ารับตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2013 เขาได้เดินทางไปตะวันออกกลางไม่ต่ำกว่า 15 ครั้ง รวมไปถึงได้ร่วมประชุมนับครั้งไม่ได้กับทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์
นอกจากนี้ จากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีนเองในช่วงหลังไม่ค่อยราบรื่นเท่าใดนัก โดยล่าสุดจากปัญหาที่ทางฮ่องกงพยายามเข้าสลายการประท้วงเพื่อประชาธิปไตยของนักศึกษาฮ่องกง และสหรัฐฯอ้างว่าจีนใช้กลุ่มแฮกเกอร์โจมตีสหรัฐฯและผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เป็นต้น
และท้ายที่สุดในการมาเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สหรัฐฯต้องการให้กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นคู่ค้ากับสหรัฐฯตลงใจในการลงนามสนธิสัญยาการค้ากับสหรัฐฯ Trans-Pacific Partnership ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า