xs
xsm
sm
md
lg

ตำรวจฮ่องกงทลายแนวป้องกัน 2 จุดของผู้ชุมนุม เปิดช่องทางจราจรได้สำเร็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - ตำรวจฮ่องกงได้ทำการทลายแนวป้องกันตามท้องถนนของกลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงรุ่งสางของวันอังคาร (14 ต.ค.) โดยมีเจ้าหน้าที่หลายร้อยนาย ใช้เลื่อยไฟฟ้าและคีมตัดเหล็ก เข้าเคลียร์สิ่งกีดขวางบางส่วนของถนนหลัก 2 สายที่ถูกผู้ชุมนุมยึดไว้

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระชับพื้นที่ของผู้ชุมนุม ด้วยการทำลายแนวป้องกันในย่านช็อปปิ้ง "คอสเวย์ เบย์" รวมถึงบริเวณริมสุดของจุดที่ผู้ชุมนุมปักหลักกันในย่าน "แอดมิรัลตี้" ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของรัฐบาลเกาะฮ่องกง

นอกจากนี้ยังมีกระแสเรียกร้องให้ตำรวจไปจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมในหม่องก๊อก เขตของชนชั้นแรงงานซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องแก๊งมาเฟียอั๊งยี่ ซึ่งเกิดเหตุรุนแรงไปแล้วครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้

ในช่วงที่ผ่านมาตำรวจได้ทำตัวสงบเสงี่ยมลงไปเยอะ ในบริเวณ 3 จุดหลักที่มีการปิดถนนประท้วง หลังจากที่เคยตัดสินใจใช้แก๊สน้ำตาเข้าสลายกลุ่มผู้ที่ปักหลักชุมนุมกันอย่างสงบเมื่อวันที่ 28 กันยายน จนสร้างความไม่พอใจและทำให้ฝูงชนหลายหมื่นคนพากันออกมาปิดถนนหลายสาย

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา บรรดาเจ้าหน้าที่ได้เริ่มที่จะทยอยเคลียร์แนวป้องกันของกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อเปิดทางให้แก่การจราจร แต่ยังยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักอยู่กันในบริเวณนั้นได้

ตำรวจประมาณ 150 นายได้ทลายแนวป้องกันในย่านคอสเวย์เบย์ ช่วงก่อนรุ่งสางของวันอังคาร (14 ต.ค.) จนเปิดการจราจรได้หนึ่งช่องทาง แต่ปล่อยให้บริเวณซึ่งเป็นแคมป์ที่พักของผู้ชุมนุมคงไว้อย่างเดิม

หลายชั่วโมงถัดมา ก็มีเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มได้เข้าทลายแนวป้องกันในย่านแอดมีรัลตี้ โดยมีการใช้เลื่อยไฟฟ้าเข้าตัดแนวป้องกันที่ทำจากไม้ไผ่ จนเปิดการจราจรได้หนึ่งช่องทาง ซึ่งทั้งสองจุดที่มีการทลายแนวป้องกันนั้น ผู้ชุมนุมมีการต่อต้านเล็กน้อย แต่ก็ยังคงอยู่ในความสงบ ไม่มีการใช้ความรุนแรง

มีรายงานว่า ผู้ชุมนุมบางรายถึงกับร้องให้ออกมา ในขณะที่มีการทลายแนวป้องกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

"เราเป็นแค่ชาวบ้านกับนักศึกษา เรายอมเปิดทางเพราะสู้ไม่ไหว แต่เราจะไม่มีวันยอมแพ้" เด็กสาวน้ำตานองหน้าคนหนึ่งตะโกนใส่ตำรวจ

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันแล้วว่า จะไปจัดการแถวย่านหม่องก๊อกในอีกไม่นานนี้

"หม่องก๊อกเป็นย่านที่มีความเสี่ยงสูง ตอนนี้เจ้าหน้าที่ของเราเตรียมพร้อมที่จะทลายแนวป้องกันในบริเวณนั้นก่อนเป็นอย่างแรก" หุย ชุน ตั๊ก ผู้กำกับการตำรวจบอกกับนักข่าว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดเวลาดำเนินการ

ปฏิบัติการเคลียร์พื้นที่ลักษณะเดียวกันนี้ ได้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อวันจันทร์ (13 ต.ค.) บริเวณริมสุดของจุดชุมนุมประท้วงในย่านแอดมีรัลตี้ แต่บรรดาผู้ชุมนุมก็กลับมารวมตัวกันใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

กลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้ไม้ไผ่มาสร้างแนวป้องกัน ปิดกั้นการจราจรทั้งสองฝั่งของถนน มีการใช้สิ่งของแทบทุกอย่างเท่าที่มี ตั้งแต่โซ่เหล็กไปจนถึงสายรัดที่ทำจากพลาสติก มามัดแนวป้องกันไม้ไผ่แล้วใช้เทปกาวปิดทับอีกรอบเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้าง ทั้งยังมีการขอความเห็นใจจากคนงานก่อสร้างให้มาช่วยด้วยอีกแรง

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมตัวมาดี สำหรับสิ่งกีดขวางเหล่านี้ ทำให้สามารถทลายแนวป้องกันได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

แกนนำผู้ชุมนุม "อเล็กซ์ โชว" ได้เรียกระดมพลผู้สนับสนุนการประท้วงที่ย่านคอสเวย์เบย์ รวมถึงเรียกร้องให้ผู้ว่าฯ เกาะฮ่องกง "เหลียง ชุน อิง" กลับมาเจรจากันอีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลเกาะฮ่องกงได้ยกเลิกการเจรจาไปแบบกะทันหันเมื่อสัปดาห์ก่อน

"กลุ่มออคคิวพายจะไม่มีวันถอย ไม่มีทางให้ถอยอีกแล้ว ตราบใดที่ผู้ว่าฯ เหลียง ยังไม่มีการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน ผู้ชุมนุมทุกคนจะไม่ไปไหนทั้งนั้น" อเล็กซ์ โชว ประธานสหพันธ์นักศึกษาฮ่องกง กล่าว

แต่ถึงกระนั้น ผู้ชุมนุมบางรายก็ยอมรับว่าพวกเขาคงต้องลำบากแน่ ในการที่จะรักษาแนวป้องกันจากการเข้าทลายรอบหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะในตอนกลางคืนที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีจำนวนบางตาอย่างเห็นได้ชัด

"แน่นอนว่ามันคงจะดี หากมีการต่อต้านมากขึ้นจากกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ก็อย่างที่คุณเห็นนั่นล่ะ เรามีคนไม่มากพอ ผมทำเท่าที่พอจะทำได้" ผู้ชุมนุมแซ่เหลา อายุ 19 ปี ที่ปักหลักประท้วงมาเป็นวันที่ 14 บอกกับเอเอฟพี

การกลับมาเป็นฝ่ายบุกจู่โจมอีกครั้งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกิดขึ้น 1 วัน หลังจากที่มีชายสวมหน้ากากฝ่าแนวป้องกันในย่านแอดมีรัลตี้ จนทำให้เกิดการครหาว่าเป็นพวกอันธพาลแก๊งอั๊งยี่ ที่ถูกใช้ให้มาสร้างความปั่นป่วนในที่ชุมนุม และใช้เป็นข้ออ้างสำหรับปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเมื่อวันจันทร์ (13 ต.ค.) ผู้ว่าฯ เหลียง ได้เอ่ยว่า เขาอยากให้การประท้วงจบลงเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ขณะที่ผลสำรวจรอบใหม่ของมหาวิทยาลัยฮ่องกงที่ถูกเผยแพร่ออกมาในวันอังคาร (14 ต.ค.) แสดงให้เห็นว่า เสียงสนับสนุนผู้ว่าฯ เหลียงลดลงไป 2.6 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 40.6 เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนก่อน ถือเป็นการสูญเสียคะแนนนิยมอย่างมากเป็นครั้งที่สอง นับตั้งแต่เข้ามาประจำตำแหน่งในปี 2012


กำลังโหลดความคิดเห็น