เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้(3)กลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนปะทะกับแนชันแนลการ์ดของรัฐบาลยูครนเพื่อเข้าควบคุมสนามบินโดเนตสค์หลังเริ่มบุกยึดตลอดทั้งสัปดาห์ และการปะทะใกล้กับสำนักงานICRC ในโดเนตสค์ก่อนหน้านี้ส่งผลให้เจ้าหน้าที่กาชาดสากลLaurent DuPasquier วัย 38 ปี ชาวสวิสต้องจบชีวิต ร้อนถึงรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น แคร์รีย์ ต้องต่อสายถึงคู่เจรจา เซอร์เก ลาฟรอฟ แสดงความกังวลที่มีความรุนแรงในยูเครนตะวันออกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลถึงการสิ้นสุดสัญยาสงบศึกที่ทำขึ้นเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา
มีรายงานเสียงสู้รบที่ได้ยินจากสนามบินโดเนตสค์ในวันศุกร์(3) ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์การสู้รบของทั้ง 2 ฝ่าย
โฆษกเคียฟแถลงว่า กลุ่มติดอาวุธนิยมมอสโกได้บุกเข้าไปที่เทอร์มินอลแห่งหนึ่งภายในสนามบินโดเนตสค์ แต่ภายหลังถูกผลักดันกลับออกไปได้สำเร็จ ในขณะที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนประกาศว่าสามารถยึดสนามบินโดเนตสค์
สัญญาสงบศึกที่เกิดขึ้นในวันที่ 5 กันยายน ดูเหมือนจะยิ่งเปราะบางเพิ่มมากขึ้น
และในวันศุกร์(3) รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น แคร์รี ได้ต่อสายถึงรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ เพื่อแสดงถึงความห่วงใยในสถานการณ์ความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นในยูเครนตะวันออก
เจน ซากี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯออกแถลงว่า “รัสเซียต้องใช้อิทธิพลที่มีต่อกลุ่มกบฎ และทำให้การโจมตีหยุดลงในทันที”
ด้านโฆษกกองทัพยูเครน วลาดสลาฟ เซเลซน์ยอฟ ( Vladyslav Seleznyov)ให้สัมภาษณ์กับทีวียูเครน Kanal 5 TV ว่า “กลุ่มกบฎใช้ระเบิดควันเพื่อกลบร่องรอย และบุกเข้าไปยังชั้นใต้ดินของเทอร์นอลเก่า” และเสริมว่า ทางกองกำลังยูเครนสามารถผลักดันกลุ่มติดอาวุธออกไปได้ครึ่งหนึ่งของตัวอาคาร และพยานที่เห็นเหตุการณ์ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อยูเครนก่อนหน้านี้ว่า มีสมาชิกแบ่งแยกดินแดนส่วนหนึ่งถูกสังหารในการปะทะ
แต่ผู้นำสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ยืนยันว่า กลุ่มกองกำลังของตนสามารถยึดทั้งสนามบินโดเนตสค์ได้สำเร็จ
ด้านนักข่าวเอพีรายงานว่า เห็นรถถัง 3 คันของกลุ่มกบฎยิงเข้าไปที่ตัวอาคารเทอร์มินอลหลัก พร้อมกับมีเสียงรัวปืนไรเฟิลอัตโนมัติได้ยินไปทั่วบริเวณสนามบินโดเนสค์ที่ฝ่ายรัฐบาลเคียฟเป็นผู้ควบคุม
ทั้งนี้กลุ่มกบฎสามารถรุกคืบยึดบริเวณรอบสนามบินได้สำเร็จ รวมไปถึงสามารถบุกยึดอาคารบางส่วนได้ ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเทอร์มินอลหลัก
โฆษกสภาความมั่นคงยูเครนเปิดแถลงว่า มีเจ้าหน้าที่ยูเครน 2 นายเสียชีวิตในระหว่างการปะทะ และมีอีก 9 นายได้รับบาดเจ็บที่เกิดจากการต่อสู้ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม และเจ้าหน้าที่ยูเครนที่ประจำสนามบินเนตสค์ได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน และยังสามารถปักหลักรักษาความปลอดภัยตามปกติ
สนามบินแห่งนี้ตั้งอยู่ทางเหนือของโดเนตสค์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในภคตะวันออก ซึ่งสนามบินแห่งนี้ถูกใช้เป็นจุดยุทธศาสตร์ของแนชันแนลการ์ดยูเครนเพื่อโจมตีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครน และหากต้องเสียสนามบินหลักแห่งนี้ไปจะทำให้เคียฟกลับต้องตกอยู่ในฝ่ายตั้งรับ พร้อมเปิดโอกาสให้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนสามารถได้รับอาวุธชุดใหญ่จากเครื่องบินคาร์โก้ที่จะลงจอด และรวมไปถึงสิ่งจำเป็น รวมไปถึงรถบรรทุกคอนวอยจากรัฐเซีย
ทั้งนี้รัสเซียปฎิเสธตลอดมาว่าไม่เคยส่งทหารหรืออาวุธไปยังยูเครนตะวันออก แต่ยอมรับมี “นักรบอาสา” ข้ามแดนไปยังยูเครน
อย่างไรก็ตาม ยูริย์ เซอร์กาเยฟ (Yuriy Sergeyev)ผู้แทนยูเครนประจำสหประชาชาติให้สัมภาษณ์ในวันศุกร์(3)ว่า “นี่ถือเป็นหลักฐานว่ามีรัสเซียมีความพยายามเล็กน้อยในสัญญามินสค์(Minsk)” และได้แถลงเพิ่มเติมว่า “หากสัญญาสงบศึกครั้งนี้เกิดล้มขึ้นมาจะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง” และยังกล่าวว่า รัสเซียยังคงโจมตีกองกำลังยูเครนอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้ กองกำลังยูเครนถูกโจมตีไปแล้วร่วม 800 ครั้ง และทำให้เจ้าหน้าที่ยูเครนถูกสังหารไปแล้วถึง 40 คน บาดเจ็บอีก 400 คน
ก่อนหน้านี้กาชาดสากลได้ออกโรงประนามถึงความรุนแรงในยูเครนตะวันออกที่ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่กาชาดสากล 1 คนต้องเสียชีวิต Laurent DuPasquier วัย 38 ปี ชาวสวิสต้องจบชีวิตเมื่อมีการปะทะใกล้กับสำนักงาน ICRC ในโดเนตสค์ในวันพฤหัสบดี(2)
DuPasquier ถือเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งในโดเนตสค์ โดมินิก สติลฮาร์ต (Dominik Stillhart)ผู้อำนวยการ ICRC ประจำโดเนตสค์กล่าวผ่านแถลงการณ์
ฝ่ายกบฎและฝ่ายเคียฟต่างกล่าวหาซึ่งกันและกันในการปะทะที่เกิดขึ้นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ฉีกสัญญาการหยุดยิง นอกจากนี้เมื่อวานนี้(3) ยังมีการระดมยิงปืนใหญ่เข้ามาที่ตอนกลางของโดเนตสค์