เอเอฟพี – สภาบริหารจังหวัดอาเจะห์ของอินโดนีเซียอนุมัติร่างกฎหมายลงโทษผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับบุคคลเพศเดียวกันด้วยการเฆี่ยน 100 ครั้ง วันนี้(27) ซึ่งนักสิทธิมนุษยชนต่างประณามว่าเป็นกระบวนการยุติธรรมที่ “ถอยหลังลงคลอง” อย่างร้ายแรง
อาเจะห์เป็นเพียงจังหวัดเดียวในหมู่เกาะอินโดนีเซียที่นำเอากฎหมายอิสลาม (ชารีอะห์) มาบังคับใช้แบบค่อยเป็นค่อยไป หลังได้รับอำนาจปกครองตนเองเพิ่มขึ้นในปี 2001 โดยก่อนหน้านี้ อาเจะห์ได้เริ่มบังคับใช้กฎหมายห้ามการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การพนัน การปฏิสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน รวมไปถึงการแสดงความรัก เช่น การสัมผัสหรือจุมพิต ระหว่างบุคคลที่ไม่ใช่สามีภรรยากัน
สมาชิกสภาจังหวัดอาเจะห์ยกร่างกฎหมายขึ้นพิจารณาเมื่อวานนี้(26) และมีมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา
ร่างกฎหมายนี้กำหนดระวางโทษสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย และ “การถูส่วนต่างๆของร่างกายเพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิง” ซึ่งในทางเทคนิคหมายความว่า พฤติกรรมรักร่วมเพศได้กลายเป็นอาชญากรรมสำหรับที่นี่ และจะเป็นครั้งแรกที่กฎหมายอิสลามถูกบังคับใช้กับบุคคลที่ไม่ใช่มุสลิม ไม่ว่าจะเป็นชาวอินโดนีเซียหรือคนต่างชาติก็ตาม
การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเพศเดียวกันไม่ถือเป็นความผิดตามกฎหมายอินโดนีเซีย ซึ่งยึดกฎหมายของอดีตเจ้าอาณานิคมเนเธอร์แลนด์เป็นแม่แบบเสียส่วนใหญ่
องค์การนิรโทษกรรมสากล (เอไอ) เรียกร้องให้ยุติการเฆี่ยนในอาเจะห์ และขอให้ร่างกฎหมายท้องถิ่นฉบับนี้ตกไปทันที
“การเอาผิดทางอาญาต่อบุคคลเพียงเพราะรสนิยมทางเพศนั้น ถือเป็นการทำลายความเท่าเทียมในอินโดนีเซียอย่างร้ายแรง” ริชาร์ด เบนเน็ตต์ ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของ เอไอ ระบุ พร้อมเตือนว่ากฎหมายนี้จะยิ่งเพิ่ม “บรรยากาศความเกลียดชังคนรักร่วมเพศ ความหวาดกลัว และการข่มขู่ ซึ่งผู้คนมากมายในอาเจะห์ต้องเผชิญอยู่แล้วในปัจจุบัน”
ชิกะ โนยะ นักเคลื่อนไหวอิสระเพื่อสิทธิเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และกลุ่มคนข้ามเพศ (LGBT) ในอินโดนีเซีย ชี้ว่า กฎหมายฉบับนี้ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือน “ย้อนเวลากลับไปหลายร้อยปี”
จังหวัดอาเจะห์ซึ่งตั้งอยู่ปลายสุดด้านตะวันตกของเกาะสุมาตรา ได้รับอำนาจปกครองตนเองเพิ่มมากขึ้นในปี 2001 ภายใต้ข้อตกลงกับรัฐบาลอินโดนีเซียซึ่งมุ่งสงบศึกกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ปฏิบัติการในพื้นที่มานานหลายสิบปี และหลังจากนั้นก็เริ่มมีการนำกฎหมายชารีอะห์มาทยอยบังคับใช้
ร่างกฎหมายนี้ยังกำหนดโทษเฆี่ยน 100 ครั้งสำหรับการมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส และมีข้อความเน้นย้ำว่า การแสดงความรักระหว่างชายหญิงที่ไม่ใช่สามีภรรยาเป็นสิ่งผิดกฎหมายซึ่งจะต้องถูกเฆี่ยนให้หลาบจำด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ การเฆี่ยนในอาเจะห์มักจะใช้ไม้ที่ยาวและเรียวบาง โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้กระทำผิดรู้สึกอับอายมากกว่าความเจ็บปวดทางกาย และหากไม่ต้องการถูกโบยก็จะต้องเสียค่าปรับเป็นทองคำ หรือรับโทษจำคุกแทน
อย่างไรก็ดี ร่างกฎหมายดังกล่าวจะต้องผ่านการรับรองจากกระทรวงมหาดไทยในกรุงจาการ์ตาเสียก่อน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โจเฮอร์มานชาห์ โจฮาน ผู้อำนวยการฝ่ายเขตปกครองตนเองของกระทรวงมหาดไทยอินโดนีเซีย ก็ได้ประกาศเตือนแล้วว่า หน่วยงานของเขาอาจใช้อำนาจคว่ำกฎหมายนี้ หากพบว่าเข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน
รอมลี สุลัยมาน ส.ส.ท้องถิ่นซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการร่างกฎหมาย ยืนยันว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกรุงจาการ์ตาให้ “ไฟเขียว” กับกฎหมายฉบับนี้แล้ว ส่วน มูฮัมหมัด ฮารูน โฆษกพรรคอาเจะห์ ก็อธิบายว่า ร่างกฎหมายท้องถิ่นนี้จะช่วยให้การบังคับใช้ชารีอะห์ในอาเจะห์มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
“กฎหมายท้องถิ่นฉบับนี้เป็นที่รอคอยของประชาชนชาวอาเจะห์ ซึ่งปรารถนามานานที่จะเห็นกฎหมายชารีอะห์ถูกบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ในระเบียงแห่งนครเมกกะ” เขากล่าว โดยใช้คำอุปมาที่จังหวัดแห่งนี้มักจะถูกอ้างถึง