เอเอฟพี - สมาชิกสภากรุงวอชิงตัน ดี.ซี. (Council of the District of Columbia) มีมติเป็นเอกฉันท์วานนี้ (23 ก.ย.) ให้ชาวอเมริกันผู้มีถิ่นพำนักในเมืองหลวงและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสามารถพกอาวุธปืนติดตัวโดยต้องเก็บซ่อนให้มิดชิด โดยก่อนหน้านี้เมืองหลวงสหรัฐฯ มีนโยบายห้ามประชาชนพกปืนออกนอกเคหะสถาน แต่ถูกผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางตัดสินเมื่อเดือนกรกฎาคมว่าเป็นคำสั่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์อ้างคำพูดของมูเรียล โบว์เซอร์ สมาชิกสภากรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ผู้เป็นตัวเก็งในศึกเลือกตั้งนายกเทศมนตรีคนใหม่เดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งระบุว่า “เราไม่เต็มใจสักนิดที่จะอนุญาตให้คนพกปืนออกมาเดินตามท้องถนนใน วอชิงตัน ดี.ซี. มากขึ้น... แต่ก็ตระหนักดีว่าเราต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล”
กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประกาศให้การครอบครองอาวุธปืนโดยประชาชนเป็นสิ่งผิดกฎหมายตั้งแต่กลางทศวรรษ 1970 และมีผลบังคับเรื่อยมา จนกระทั่งศาลสูงสุดสหรัฐฯมีคำพิพากษาเมื่อปี 2008 ว่าคำสั่งดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญที่รับรองสิทธิชาวอเมริกันในการ “ครอบครองและพกอาวุธ”
อย่างไรก็ตาม คำสั่งห้ามพกอาวุธในที่สาธารณะยังมีผลบังคับอย่างเคร่งครัดต่อมาจนกระทั่งเดือนกรกฎาคมปีนี้ ซึ่งผู้พิพากษาศาลแขวงมีคำตัดสินว่าการห้ามประชาชนพกปืนในที่สาธารณะก็ขัดต่อรัฐธรรมนูญอเมริกันด้วย
กฎหมายอาวุธปืนที่เข้มงวดเป็นมาตรการสำคัญที่ช่วยลดสถิติการฆาตกรรมในเมืองหลวงของสหรัฐฯ ที่เคยพุ่งสูงจนเป็นที่กล่าวขวัญ โดยเมื่อปีที่แล้วมีรายงานการฆาตกรรมเกิดขึ้นเพียง 100 กรณี
การโหวตของสภากรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีขึ้นหลังอดีตทหารอเมริกันรายหนึ่งได้ฝ่าฝืนกฎหมายความมั่นคงโดยการพกมีดกระโดดข้ามรั้วเข้าไปในทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์ที่ 19 กันยายน
คณะอัยการกล่าวในศาลเมื่อวันจันทร์ (22) ว่า ผู้ถูกกล่าวหาคือ โอมาร์ กอนซาเลซ มีกระสุนปืนซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ถึง 800 นัด และก่อนหน้านี้เคยถูกจับที่รัฐเวอร์จิเนียพร้อมกับปืนสั้นและปืนอีกหลายประเภท
ภายใต้กฎหมายใหม่ของกรุง วอชิงตัน ดี.ซี. เจ้าของอาวุธปืนยังต้องขอใบอนุญาตพกปืนในที่สาธารณะ และอธิบายความจำเป็นให้ตำรวจทราบ ขณะที่การพกปืนเข้าไปในโรงเรียน โรงพยาบาล สำนักงานรัฐบาล จุดเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ ลานกีฬา หรือภายในระยะไม่เกิน 300 เมตรจากตัวบุคคลสำคัญที่มีตำรวจคุ้มกัน ยังถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย