สื่ออังกฤษตี! เพื่อนเหยื่อฆ่าโหดเกาะเต่าแฉถูกมาเฟียขู่ฆ่า เชื่อเกี่ยวคดีฆาตกรรมปริศนา

เทเลกราฟ - ฌอห์น แม็กแอนนา เพื่อนของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่ถูกฆ่าโหดบนเกาะเต่า ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแดนผู้ดีว่าเขาต้องหลบหนีออกจากเกาะดังกล่าว หลังจากถูกข่มขู่เอาชีวิตโดยผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นซึ่งเขาเชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีสะเทือนขวัญที่ยังเป็นปริศนา

หนังสือพิมพ์เทเลกราฟรายงานว่านายฌอห์น แม็กแอนนา วัย 25 ปีหนุ่มชาวสกอตแลนด์ที่เป็นเพื่อนของนายเดวิด มิลเลอร์ นักท่องเที่ยวที่ถูกพบศพบนเกาะเต่าพร้อมกับศพของ น.ส.ฮานนาห์ วิเทอริดจ์ วัย 23 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อ้างระหว่างการสัมภาษณ์ว่าเขาถูกชายไทย 2 คน ซึ่งเชื่อว่าอาจมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคดีฆาตกรรม ขู่ฆ่าในเช้ามืดวันจันทร์ (22 ก.ย.) ขณะที่เขากำลังนั่งดื่มที่บาร์แห่งหนึ่งบนหาดทรายรี ใกล้ๆ กับจุดที่พบศพนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คน

“พวกเขาบอกกับผมว่า คุณนั่นแหละที่ฆ่าเขา มือคุณเปื้อนเลือดด้วยศพ 2 ศพ เรารู้ว่าเป็นคุณ คืนนี้คุณกำลังจะแขวนคอตายและเราจะได้ดูคุณฆ่าตัวตาย คุณจะตายในคืนนี้ ดังนั้นผมจึงวิ่งหนี” เขากล่าว

หลังจากถูกข่มขู่ นายแม็แอนนาบอกต่อว่าเขาตัดสินใจเข้าไปหลบในซูเปอร์มาร์เกตใกล้เคียง โดยที่กลุ่มชายที่ไล่ล่าเขาพยายามพูดจาโน้มน้าวให้ออกมา อย่างไรก็ตาม นายแม็กแอนนาปฏิเสธด้วยเกรงว่าจะถูกฆ่าและระหว่างนั้นก็มีการโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ กระทั่งเวลา 05.00 น.ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุและมีการสอบถามชายไทย 2 คนนั้นแต่ก็ไม่มีการจับกุมใดๆ “พวกเขาคงไม่ยิงผมหรอก พวกเขาจะพาผมไปบนเขาและจับผมแขวนคอให้ดูเหมือนกับผูกคอตาย”

ด้วยที่ชายทั้งสองคนไม่ได้ถูกควบคุมตัว แม็คแอนนาบอกว่าเขาใช้เวลาทั้งวันนั้นหลบซ่อนตัว ก่อนหลบหนีออกจากเกาะเต่าด้วยความหวาดกลัวว่าหากอยู่ที่นั่นต่อไปเขาอาจจะถูกฆ่าได้ “ผมจำเป็นต้องออกเกาะนี้ ผมคิดอย่างจริงจังเลยว่ามันกำลังเป็นวันตายของผม ดังนั้นผมต้องออกจากที่นี่ ผมโทร.หาแม่ โทร.หาน้อง ผมบอกกับเธอว่าผมรักเธอ และผมจะพยายามกลับบ้านให้ได้ ผมบอกไปว่าหากมันเป็นการสนทนาครั้งสุดท้ายระหว่างเรา มันคงเป็นการพูดจาที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง”

แม็กแอนนาเผยว่า เขาเคยใช้ชีวิตบนเกาะเต่านาน 18 เดือนโดยทำงานเป็นพนักงานบาร์ เมื่อไม่นานมานี้เขากลับไปยังเกาะเต่าอีกครั้ง โดยในคืนที่นายมิลเลอร์และวิเทอริดจ์ถูกฆาตกรรม เขานัดพบกับนายมิลเลอร์ด้วย แต่ก็ไม่ได้ไปเจอกับนายมิลเลอร์ตามที่นัดหมาย

เทเลกราฟรายงานต่อว่า ตำรวจไทยยังไม่มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยรายใดในคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญนี้ และตอนนี้มีแผนบังคับชายทุกคนบนเกาะที่มีประชากรราว 2,000 คนตรวจดีเอ็นอี พร้อมระบุชาวบ้านอึกอักที่จะพูดถึงคดีดังกล่าว เห็นได้ชัดว่าดูเหมือนจะหวาดกลัวต่อตระกูลมาเฟียที่ดูแลเกาะเต่าอยู่

นายแม็กแอนนาเชื่อว่า ชายทั้งสองคนน่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนกลุ่มเดียวกับที่เคยขู่ฆ่าเขาในวันเกิดเหตุ โดยวันนั้นตอนเวลา 02.30 น. เขามีเรื่องมีราวกับกลุ่มชายไทยที่ร้านเอซี บาร์ของเกาะเต่า ไนท์คลับใกล้ชายฝั่ง สถานที่ที่พบเห็นนายมิลเลอร์และวิเทอริดจ์อยู่ภายในร้านไม่นานก่อนถูกฆาตกรรม

อย่างไรก็ตาม แม็กแอนนายอมรับไม่ทราบแน่ชัดว่าคนที่ขู่ฆ่าเขานั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับคดีฆาตกรรมนายมิลเลอร์หรือไม่ แต่เขาเชื่อว่าทั้งสองคนนี้น่าจะมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับฆาตกรที่สังหารเพื่อนของเขาและพยายามทำให้เขาเป็นแพะรับบาปในคดีนี้

“ผมคิดว่าพวกเขาต้องการแพะ ผมคิดว่าบางทีพวกเขาอาจจะรู้ก็ได้ว่าเป้นใคร พวกเขาต้องการแพะรับบาป พวกเขาไม่ต้องการให้เป็นชาวบ้านท้องถิ่น พวกเขาต้องการให้เป็นคนตะวันตก ดังนั้นหากผมถูกฆ่าที่นี่ ถ้าผมถูกแขวนคอที่นี่ มันก็จะเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดว่า เห็นไหม มันเป็นฝีมือผม” ทั้งนี้คำปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของนายแมคแอนนา สอดคล้องกับคำสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของเกาะเต่า ที่ยืนยันว่านายแมคแอนนาถูกขอให้มอบตัวอย่างดีเอ็นเอ ส่วนหนึ่งในการสืบสวน แต่ไม่ได้ถูกพิจารณาในฐานะผู้ต้องสงสัย

แม็กแอนนาโพสต์ข้อมูลคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับการถูกขู่ฆ่าและร้องขอความช่วยเหลือบนเฟซบุ๊กในตอนตี 4 ของวันจันทร์ “มาเฟียไทยพยายามฆ่าผม กรุณาช่วยผมด้วย” เขาเขียน ทั้งนี้หลังจากหลบซ่อนตัวตลอดในช่วงเช้า พอช่วงบ่ายเขาก็เดินทางไปยังท่าเรือของเกาะพร้อมกับกลุ่มผู้สื่อข่าวอังกฤษตอนเวลา 14.30 น. จากนั้นก็ขึ้นเรือออกจากเกาะเต่าตอนเวลา 15.10 น. พร้อมประกาศว่าจะไม่กลับมาที่เกาะแห่งนี้อีกแล้ว