เอเอฟพี - กลุ่มขั้วการเมืองต่างๆ ในเยเมนยอมลงนามข้อตกลงสันติภาพซึ่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เป็นผู้ผลักดันแล้ววานนี้ (21 ก.ย.) หลังกบฏมุสลิมนิกายชีอะห์ได้บุกเข้ายึดอาคารสำนักงานของรัฐ และเกิดเหตุจลาจลในเมืองหลวงอย่างหนักจนนายกรัฐมนตรีตัดสินใจลาออก
สำนักข่าวซาบาของเยเมน รายงานว่า “ข้อตกลงว่าด้วยสันติภาพและความเป็นหุ้นส่วนซึ่งเป็นผลจากการเจรจาระดับชาติ ได้รับการลงนามแล้วเมื่อเย็นนี้ที่ทำเนียบประธานาธิบดี” ในกรุงซานา โดยมีประธานาธิบดีอับดราบูห์ มันซูร์ ฮาดี, ญามาล เบโนมาร์ ที่ปรึกษาพิเศษสหประชาชาติว่าด้วยปัญหาเยเมน และตัวแทนจากทุกกลุ่มการเมือง รวมถึง “กบฏฮูธี” เข้าร่วมในพิธี
“เราได้บรรลุข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ซึ่งจะช่วยให้ก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้แล้ว” ประธานาธิบดีฮาดีระบุในถ้อยแถลง
ด้านเบโนมาร์ชี้ว่า รัฐบาลเยเมนชุดใหม่จะถูกจัดตั้งภายใน 1 เดือนนับจากนี้ โดยประธานาธิบดีฮาดี จะต้องแต่งตั้งตัวแทนจากกลุ่มกบฏฮูธี “อันซารุลเลาะห์” และกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางภาคใต้ เป็นที่ปรึกษารัฐบาลภายใน 3 วัน
ฮาดียังจะต้องคัดเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนที่ โมฮาเหม็ด บาซินดาวา ภายใน 3 วันด้วย โดยบุคคลที่ว่านี้จะต้อง “มีความเป็นกลาง และไม่เป็นสมาชิกกลุ่มการเมืองใด”
อับดุลมาลิก อัล-ฮูธี ผู้นำกบฏอันซารุลเลาะห์ ได้ส่งผู้แทน 2 คนมาลงนามข้อตกลงสันติภาพกับรัฐบาล หลังจากที่เมื่อวานนี้ (21) สมาชิกของเขาได้บุกยึดสถาบันหลักๆ ทั่วทั้งกรุงซานา ไม่เว้นกระทั่งศูนย์บัญชาการของรัฐบาลและกองทัพ ขณะที่กองกำลังความมั่นคงเยเมนดูเหมือนจะยอมจำนนแต่โดยดี
ภายใต้ข้อตกลงสันติภาพ กลุ่มกบฏจะต้องคืนหน่วยงานราชการและสถานที่สำคัญที่พวกเขายึดไว้ ตลอดจนรื้อถอนค่ายผู้ประท้วงที่ตั้งขึ้นทั่วกรุงซานามากว่า 1 เดือน และ “ยุติการก่อเหตุรุนแรงทุกรูปแบบทันที”
สำนักข่าวซาบารายงานด้วยว่า เมื่อพิธีลงนามเสร็จสิ้น กบฏฮูธีก็เริ่มถอนกำลังออกจากอาคารสำนักงานของรัฐทันที โดยมี พล.อ.โมฮาเหม็ด นัสเซอร์ อาเหม็ด รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเยเมน เป็นสักขีพยาน
ก่อนหน้านี้ สภารัฐมนตรีเยเมนได้เผยแพร่จดหมายลาออกของนายกรัฐมนตรี บาซินดาวา ซึ่งกล่าวหาว่าประธานาธิบดี ฮาดี “ใช้อำนาจเผด็จการ”
“ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างผมกับประธานาธิบดีในการขับเคลื่อนประเทศเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ระบบเผด็จการจะเข้าครอบงำจนถึงขั้นที่ว่า รัฐบาลและตัวผมเองไม่ทราบความเป็นไปเกี่ยวกับกองทัพ หรือสถานการณ์ความมั่นคงของประเทศเลย”
แหล่งข่าวทั้งฝ่ายกบฏและรัฐบาลเปิดเผยว่า พวกกบฏได้บุกยึดสถานีวิทยุแห่งชาติ, กองบัญชาการกลางของกองทัพ, กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 6, กองพลน้อยที่ 4, หน่วยงานด้านสื่อมวลชนของกระทรวงกลาโหมเยเมน และยังเข้าไปในอาคารรัฐสภา, ธนาคารกลางแห่งเยเมน และสำนักงานการบินพลเรือนอีกด้วย
อับโด อัล-ตอริบ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเยเมน ได้แถลงผ่านเว็บไซต์กระทรวงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคง “ร่วมมือ” กับพวกกบฏเพื่อ “รักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย ปกป้องทรัพย์สินของสาธารณะและรัฐบาล และให้คิดเสียว่าพวกกบฏอันซารุลเลาะห์เป็นมิตรกับตำรวจ”
การทำข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัฐบาลเยเมนกับกลุ่มกบฏเกิดขึ้น หลังจากที่ยูเอ็นได้เสนอแผนแบ่งปันอำนาจเมื่อวันเสาร์ (20) เพื่อยุติการต่อสู้ระหว่างกบฏชีอะห์กับกลุ่มติดอาวุธสุหนี่ อัล-อิสลาห์ ที่มีกองทัพเยเมนหนุนหลังอยู่
การสู้รบตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน และทำให้สายการบินต่างชาติต้องระงับเที่ยวบินไป-กลับสนามบินกรุงซานาชั่วคราว
เยเมนตกอยู่ในภาวะระส่ำระสายมาโดยตลอด นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ซึ่งปกครองประเทศมานานกว่า 30 ปีถูกบีบให้สละอำนาจเมื่อต้นปี 2012
