เอเอฟพี - เกิดเหตุชายชาวอเมริกันทำการสังหารลูกสาวและหลานอีก 6 คน เมื่อวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.) ภายในบ้านพักที่รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเหยื่อที่มีอายุน้อยสุดนั้นเพิ่งลืมตาดูโลกได้แค่ 3 เดือน
โรเบิร์ต ชูลต์ เจ้าหน้าที่เทศมณฑล กิลคริสต์ เคาน์ตี ระบุว่า ผู้ก่อเหตุชื่อ ดอน ชาร์ล สปิริต วัย 51 ปี เขาได้สังหารลูกสาวของตนเองพร้อมกับลูกของเธออีก 6 คน จากนั้นได้ฆ่าตัวตายหลังก่อเหตุ ซึ่งบรรดาหลานของเขา เด็กโตที่สุดนั้นมีอายุ 10 ขวบ
ชูลต์ บอกกับนักข่าวว่าเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน และเชื่อว่าคนในชุมชนจะต้องเสียใจมากกับเหตุการณ์นี้ เพราะคนในละแวกนี้สนิทสนมกันเหมือนเป็นครอบครัว
สปิริตได้ติดต่อหน่วยฉุกเฉิน โดยแจ้งว่าเขากำลังจะทำร้ายตัวเองและคนอื่นๆ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงบ้านของเขาก็พบว่า ลูกสาวและหลานของเขาเสียชีวิตแล้วทั้งหมด ส่วนสปิริตนั้นได้ฆ่าตัวตายหลังจากตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุแล้ว
หนังสือพิมพ์ แทมปาเบย์ ไทม์ส รายงานว่า สปิริตเคยยิงปืนไปถูกลูกชายวัย 9 ขวบของตัวเองจนเสียชีวิต ซึ่งเป็นอุบัติเหตุในระหว่างการล่าสัตว์เมื่อปี 2001 ลูกชายของเขาเสียชีวิตในทันทีจากแผลกระสุนที่ศีรษะ ที่ลั่นออกมาจากปืนไรเฟิลในขณะที่เขากำลังทำความสะอาดปืน
การก่อเหตุสังหารลูกหลานที่เขย่าขวัญชาวอเมริกันครั้งนี้ ทำให้ประเด็นเรื่องการครอบครองอาวุธปืนในสหรัฐฯ กลับมาเป็นที่ถกเถียงกันอีกครั้ง ข้อมูลตัวเลขจากเอฟบีไอ ระบุว่า ในปี 2011 สหรัฐอเมริกามีผู้ที่เสียชีวิตด้วยการใช้ปืนก่อเหตุฆาตกรรมมากถึง 11,000 ราย
อย่างไรก็ตาม บรรดานักเคลื่อนไหวที่ต้องการให้มีการควบคุมการถือครองอาวุธปืนนั้นต้องเผชิญกับการต่อต้านจากฝ่ายตรงข้าม ที่อ้างว่าการครอบครองอาวุธปืนนั้นเป็นสิทธิในการป้องกันตัวเอง
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้เคยพยายามแล้วแต่ก็ต้องล้มเหลว สำหรับการเสนอให้มีการห้ามพกพาอาวุธสงคราม รวมถึงให้มีตรวจสอบภูมิหลังของผู้ซื้อปืนอย่างเข้มงวด หลังจากที่เกิดเหตุสังหารหมู่ที่นิวทาวน์ช่วงเดือนธันวาคมปี 2012 ที่มีเด็ก 20 รายกับผู้ใหญ่อีก 6 รายเสียชีวิตจากเหตุคราวนั้น
มาตรการนั้นต้องล่มไปเพราะมีเสียงสนับสนุนสิทธิการพกพาอาวุธปืนเป็นจำนวนมาก จากสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐฯ