เอเอฟพี - เฮอริเคน “โอดิเล” ได้พัดทำลายบ้านเรือนและทำให้สนามบินที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรบาฮากาลิฟอร์เนียของเม็กซิโก ต้องหยุดให้บริการในวันจันทร์ (15 ก.ย.) ทั้งยังเกิดการปล้นสะดม นักท่องเที่ยวต่างชาติตกค้างอยู่ในพื้นที่ แถมยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 135 ราย
พายุลูกนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับ โลส กาโบส แหล่งท่องเที่ยวตากอากาศของเม็กซิโก โรงแรมหลายแห่งถูกน้ำท่วม แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต
ชาวบ้านหลายร้อยคนได้กลายร่างเป็นหัวขโมยเข้ารื้อค้นปล้นสะดมบรรดาซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ฉกฉวยเอาข้าวปลาอาหาร น้ำดื่ม กระดาษชำระ แอลกอฮอล์ รวมถึงโทรทัศน์และพัดลม ตามเส้นทางที่เฮอร์ริเคนลูกนี้พัดผ่านไป ซึ่งขณะนี้พายุได้อ่อนกำลังลงระหว่างที่กำลังมุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือ
ทหารมากกว่า 1,000 นายถูกจัดส่งเข้าไปดูแลพื้นที่ภัยพิบัติ ซึ่งตอนนี้ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ ขณะที่บ้านหลายหลังได้รับความเสียหาย
“ผมเอาน้ำและอาหารไปให้เด็กๆ คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น” ออสวัลโด โลเปซ ชายวัย 41 ปี พูดขณะที่กำลังออกมาจากร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง
มีชาวต่างชาติประมาณ 26,000 ราย กับชาวเม็กซิโก 4,000 ราย ที่ต้องหลบภัยอยู่โรงแรมหลายแห่งเป็นคืนที่ 2 ขณะที่ทางการพยายามหาหนทางเปิดใช้สนามบินนานาชาติใน โลส กาโบส และลาปาซ เพื่อที่จะได้ส่งเครื่องบินของกองทัพไปลำเลียงนักท่องเที่ยวออกมา
อย่างไรก็ตาม หลุยส์ ฟิลิเป้ ปูเอนเต้ เจ้าหน้าที่ประสานงานศูนย์ป้องกันภัยพลเรือนแห่งชาติเม็กซิโก ระบุว่า กว่าที่เครื่องบินลำแรกจะเริ่มให้บริการได้ก็ต้องรอจนถึงวันอังคาร เพราะอาคารผู้โดยสารได้รับความเสียหาย
“เรายังไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณพร้อม สำหรับการขึ้นบินในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า” เขาบอกในการแถลงข่าว พร้อมทั้งระบุด้วยว่า บรรดานักท่องเที่ยวที่ป่วยและผู้สูงอายุจะได้ออกเดินทางก่อน
เฮอริเคน “โอดิเล” ได้สร้างความเสียหายให้กับโรงแรมหลายแห่ง หน้าต่างพังยับเยิน น้ำท่วมห้องพัก แถมยังพัดเอาต้นปาล์มลอยไปตกอยู่ในสระว่ายน้ำ
“ฉันผิดหวังมากกับการมาพักผ่อนครั้งนี้ แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือฉันรู้สึกเสียใจสำหรับผู้คนที่นี่ ที่ต้องสูญสิ้นทุกอย่าง” ทิฟานี บราวน์ กล่าว เธอเป็นนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันวัย 34 ปี ที่เพิ่งจะมาถึงแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่พายุเข้าพอดี
นักท่องเที่ยวบางรายบอกว่า พวกเขาใช้เวลาช่วงกลางคืนอยู่ที่ห้องเก็บสัมภาระของสนามบินใน โลส กาโบส หลังจากที่เที่ยวบินถูกยกเลิกเมื่อวันอาทิตย์ (14 ก.ย.) ซึ่งตอนนี้กำลังมองหาโรงแรมที่อยู่ใกล้กับสนามบิน
“ตอนที่เฮอริเคนมาถึง ไฟฟ้าที่สนามบินก็ดับลง กระจกหน้าต่างแตกกระจาย เพดานหล่นลงมา คอมพิวเตอร์บางเครื่องเสียหาย” มาเรียนา เปเรซ วิศวกรชาวเม็กซิโกวัย 26 ปี กล่าวพร้อมกับให้ดูวิดีโอที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์
ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า เฮอริเคน “โอดิเล” เข้าสู่ชายฝั่งด้วยความรุนแรงระดับ 3 ตามมาตราแซฟเฟอร์-ซิมป์สัน ด้วยลมหมุนที่มีความเร็ว 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่หลังจากนั้นก็อ่อนแรงลงไปเป็นระดับ 1 มีลมหมุนเวียนความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในวันจันทร์ (15 ก.ย.) จนกระทั่งถูกลดระดับไปเป็นพายุโซนร้อน
ชาวบ้านในท้องถิ่นประมาณ 11,000 รายต้องไปหลบอยู่ตามโรงเรียนและที่หลบภัยชั่วคราวอื่นๆ แต่ก็มีบางรายที่ยังพักอาศัยอยู่ในบ้านของตนเอง
โซเลดัด มาโย วัย 52 ปี ได้ส่งลูกทั้ง 4 คนไปอาศัยอยู่กับเพื่อนบ้าน ขณะที่ตัวเธอยังคงปักหลักเฝ้าบ้านไม้หลังเล็กของเธอร่วมกับสามี
“เราใช้เวลายามค่ำคืนอยู่ที่นี่ รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านของเรา แล้วดูสิ บ้านพังราบไปหมดเลย” เธอกล่าวขณะที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง