เอเจนซีส์ - กลายเป็นเรื่องสะเทือนขวัญทั่วเกาะอังกฤษเมื่อข่าวฮันนาห์ วิธเธอริดจ์(Hannah Witheridge) ขาวอังกฤษ วัย 23 ปี และเดวิด มิลเลอร์(David Miller) ชาวอังกฤษ วัย 24 ปี ต้องจบชีวิตบนหาดเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ฯ เมื่อวานนี้(15) หลังจากคนทั้งคู่เข้าร่วมงานปาร์ตี้ชายหาดที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าร่วมถึง 50 คน และพบว่าตำรวจไทยกำลังตามหานักท่องเที่ยวชาวอังกฤษรายหนึ่งที่หายตัวไปหลังเกิดเหตุ และเป็นเพื่อนของมิลเลอร์ ด้านกระทรวงต่างประเทศอังกฤษแถลง ญาติผู้เสียชีวิตในอังกฤษรับทราบแล้ว
สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(15)ว่า ตำรวจไทยอยู่ในระหว่างตามหานักท่องเที่ยวชาวอังกฤษรายหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ฮันนาห์ วิธเธอริดจ์(Hannah Witheridge) ขาวอังกฤษ วัย 23 ปี และเดวิด มิลเลอร์(David Miller) ชาวอังกฤษ วัย 24 ปี ที่เดินทางมาร่วมงานปาร์ตี้ชายหาดบนเกาะเต่า
มีรายงานเปิดเผยว่าได้มีการร่างผู้เสียชีวิตทั้งสองก่อน 5.00 น. เมื่อวานนี้(15) บนเกาะเต่าตั้งอยู่ไม่ห่างจากเกาะพะงัน สถานที่จัดงานฟูลมูนปาร์ตี้ชื่อกระฉ่อนระดับโลก โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยเชื่อว่า ทั้งวิธเธอริดจ์และมิลเลอร์เหยื่อสังหารโหดเพิ่งรู้จักกันครั้งแรกที่งานปาร์ตี้ชายหาดแห่งนี้ ก่อนที่คนทั้งคู่จะจบชีวิตด้วยน้ำมือคนร้ายที่ใช้จอบเป็นอาวุธ
ทั้งนี้ครอบครัวของวิธเธอริดจ์ นักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเกอร์ วัย 23ปี จากเกรต ยาร์เมาท์ (Great Yarmouth) ในนอร์ฟอล์ก (Norfolk)ได้รับทราบข่าวการเสียชีวิตของเธอแล้ว ส่วนมิลเลอร์นั้นมาจากเจอร์ซี
เจ้าหน้าที่สอบสวนไทยได้เปิดเผยว่า ในขณะนี้กำลังตามหานักท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษที่เชื่อว่าเป็นเพื่อนของมิลเลอร์ โดยพบว่าชายคนนี้ได้หายตัวไปจากเกาะเต่า คาดว่าจะโดยสารเรือเฟอร์รีเที่ยวแรกเดินทางเข้ากรุงเทพฯในเช้ามืดวานนี้(15)
ทางโฆษกตำรวจได้ให้สัมภาษณ์กับเดลี เทเลกราฟ ว่า “ทางตำรวจต้องการสอบถามเรื่องนี้กับนักท่องเที่ยวอังกฤษรายนี้อย่างเร่งด่วน”
พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงันได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงสภาพการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษทั้งสองว่า “มิลเลอร์ถูกฟันจากข้างหลัง และด้านข้างของศรีษะ ส่วนวิธเธอริดจ์ถูกฟันที่บริเวณใบหน้า ซึ่งเป็นสภาพที่น่ากลัวมาก” นอกจากนี้พ.ต.อ.ประชุม ยังให้สัมภาษณ์ต่อว่า “ทั้งเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตและจอบเปื้อนเลือด ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการสังหารถูกพบใกล้กับร่างของเหยื่อ และมีรายงานว่าวิธเธอริดจ์ดูเหมือนถูกล่วงละเมิดทางเพศ”
ในการสืบสวนเบื้องต้นพบว่า ทั้งวิธเธอริดจ์และมิลเลอร์ต่างแยกเดินทางมายังเกาะเต่า และได้เข้าพักที่โรงแรมเดียวกัน โดยพล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ให้ข้อมูลว่า วิธเธอริดจ์ได้เช็กอินเข้าพักที่โรงแรมโอเชียน วิว รีสอร์ต ( Ocean View resort)พร้อมเพื่อนของเธออีก 3 คนเมื่อ 3วันก่อนหน้านี้ ในขณะที่มิลเลอร์เข้าพักห้องอื่นของโรงแรมโอเชียน วิว รีสอร์ต “เมื่อดูจากกล้องที่วีวงจรปิดของโรงแรมพบว่า คนทั้งคู่ไปนั่งที่บาร์ และออกไปทั้งคู่หลังจากเวลา 1.00น.”
ทั้งนี้เหตุฆาตกรรมทางตำรวจได้ตั้งสมมุติฐานว่า กลุ่มคนร้ายอาจเห็นมิลเลอร์และวิธเธอริดจ์อยู่บนชายหาดหลังจากงานปาร์ตี้สิ้นสุดแล้ว และตรงเข้าชกต่อยทำร้ายร่างกายเหยื่อ รวมไปถึงใช้จอบฟันมิลเลอร์ก่อนที่จะทำร้ายวิธเธอริดจ์ ซึ่งทางตำรวจไทยจะหาข้อมูลเพิ่มเติมจากกล้องวงจรปิดเพื่อชี้ตัวคนร้ายต่อไป
สื่ออังกฤษชี้ว่า สถานตากอากาศของไทยที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ต้องมนต์สะกดด้วยน้ำทะเลสีคราม หาดทรายขาว ความสงบ พร้อมกับมีชายป่าให้เดินลัดเลาะตามธรรมชาติล้วนเป็นฉากบังหน้าเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังที่ปรากฏข่าวสังหารมิลเลอร์และวิธเธอริดจ์
กระทรวงต่างประเทศอังกฤษ (FCO)รายงานว่า นับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา มีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษถูกสังหารไปแล้วในไทยถึง 11 ราย อาทิ ในช่วงรอยต่อปี 2012-2013 สตีเฟน อัชตัน(Stephen Ashton) อายุ 22 ปี ถูกสังหารที่บาร์บนหาดริ้น เกาะพะงัน ซึ่งเป็นสถานที่ตากอากาศที่ FCO ได้ออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษระวังกลุ่มอันธพาลเข้ามายั่วยุ หรือลงมือทำร้าย โดยรายงานระบุเพิ่มเติมว่า การทำร้ายนักท่องเที่ยวนั้นมักเกิดขึ้นในช่วงเทศการฟูลมูนปาร์ตี้บนเกาะ และบ่อยครั้งมักเกิดขึ้นใกล้กับบาร์บนหาดริ้นในช่วงเวลาดึก ซึ่งฟูลมูนปาร์ตี้ที่จัดขึ้นตามคอนเซฟเต้นรำ ท่ามกลางเสียงเพลง พร้อมคลอดื่มกินอย่างไม่ยั้งตลอดคืนนั้นสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าร่วมอย่างคึกคักทุกปี
นอกจากเกาะพะงันแล้ว นักท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษยังได้รับคำแนะนำด้านความปลอดภัยจากเหตุอาจถูทำร้ายร่างกายหรือการปล้นชิงทรัพย์หากเดินทางมาท่องเที่ยวที่หาดเฉวง บนเกาะสมุย และยังมีรายงานการทำร้ายนักท่องเที่ยวต่างชาติในส่วนอื่นของประเทศอาทิ เชียงใหม่ พัทยา และกระบี่ เช่น นักท่องเที่ยวอเมริกันถูกแทงจนเสียชีวิต และบุตรชายได้รับบาดเจ็บในขณะที่อยู่ที่บาร์ จ.กระบี่ในเดือนกรกฎาคม 2013
และ FCOยังประกาศเตือนภัยที่อาจจะเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษอื่นๆ เช่น การล้วงกระเป๋า ฉกชิงวิ่งราว ต้มตุ๋น และแก๊งบัตรเครดิตปลอม เป็นต้น
ทั้งนี้ไม่กี่สัปดาห์มานี้ทางกระทรวงต่างประเทศอังกฤษได้เผยแพร่รายงานการให้ความช่วยเหลือของชาวอังกฤษในต่างแดนในรอบ 12 เดือนล่าสุดสิ้นเดือนมีนาคม 2014 และในรายงานฉบับนี้ยังระบุถึงสถานที่หรือประเทศที่ชาวอังกฤษถูกทำร้าย
และเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนครั้งของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษไปเยือน รวมถึงจำนวนของชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในประเทศนั้น พบว่าไทยรั้งตำแหน่งเป็นอันดับที่ 2 รองลงมาจากฟิลิปปินส์ที่ชาวอังกฤษต้องขอรับบริการทางด้านกงสุลมากที่สุด
โดยช่วงปี 2013-2014 มีนักท่องเที่ยวอังกฤษเดินทางเยือนไทยไม่ต่ำกว่า906,000 คน และมีชาวอังกฤษอาศัยอยู่ในไทยร่วม 50,000 คน จากสถิติพบว่าสถานอังกฤษในไทยต้องให้ความช่วยเหลือทางกงสุลจำนวน 1,164 ครั้ง รวมถึงคดีข่มขืน 11 คดี คดีทำร้ายร่างกาย 6 คดี และในกรณีชาวอังกฤษถูกนำส่งโรงพยาบาลอีก 267 เหตุการณ์ ยังไม่นับรวมถึงการเสียชีวิตของชาวอังกฤษในไทยที่สูงมากถึง 362 คนในช่วงปี 2013-2014 (รวมถึงการเสียชีวิตตามธรรมชาติ) ส่งผลให้ตัวเลขนี้สูงเป็นอันดับ 2 รองลงมาจากสเปน ที่สูงเป็น 12 เท่ากว่าจำนวนที่เกิดในไทย
การเสียชีวิตของมิลเลอร์และวิธเธอริดจ์ได้ซ้ำเติมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยที่พยายามฟื้นตัวหลังจากเกิดเหตุการณ์รัฐประหารในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยพล.ต.ต.เกียรติพงศ์ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “ในขณะนี้ทางเรายังไม่ทราบตัวคนร้าย แต่จะพยายามสืบหาจากพยานหลายปากเพื่อช่วยหาเบาะแสคนร้ายต่อไป” ในขณะที่เอเอฟพีรายงานว่า แหล่งข่าวพนักงานของโรงแรมโอเชียน วิว รีสอร์ต ได้ให้ข้อมูลว่า ร่างผู้เสียชีวิตทั้งสองถูกพบที่หลังโขดหินขนาดใหญ่บนชายหาด “นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายบนหาดแห่งนี้ นับตั้งแต่ทำงานที่นี่ยังไม่เคยประสบเหตุเช่นนี้มาก่อน”
ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศอังกฤษแถลงว่า “อังกฤษทราบเรื่องพลเมืองชาวอังกฤษ 2 คนเสียชีวิตในวันที่ 15 กันยายนบนเกาะเต่า กลางอ่าวไทย และทางสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยได้เร่งสืบหาข้อมูลในเรื่องนี้จากเจ้าหน้าที่ไทย พร้อมให้บริการปรึกษาด้านกงสุลกับเพื่อนหรือญาติของผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ทางกระทรวงต่างประเทศอังกฤษได้แจ้งให้ญาติของผู้เสียชีวิตรับทราบเหตุสะเทือนขวัญนี้แล้ว”