เอเอฟพี - มีการยิงต่อสู้และถล่มด้วยกระสุนปืนใหญ่เข้าใส่ “มาริวโปล” ในภาคตะวันออกของยูเครนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ทำให้วันนี้ (7 ก.ย.) มีหลายฝ่ายเกรงว่าข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัฐบาลยูเครน และฝ่ายกบฏที่ฝักใฝ่รัสเซีย คงล้มเหลวไม่เป็นท่าไปแล้ว
มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นหลายครั้งเมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมกับมีควันหนาทึบที่มองเห็นได้ชัดเจนลอยอยู่เหนือ มาริวโปล เมืองท่าใกล้กับทะเลอาซอฟ ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของรัฐบาลยูเครน
ชาวบ้านต่างพากันหวั่นวิตกในขณะที่มีการสู้รบเกิดขึ้น ซึ่งมีทั้งกระสุนปืนและกระสุนปืนใหญ่ ที่สร้างความเสียหายให้กับอาคารบ้านเรือนและยานพาหนะ
“ทุกคนเริ่มที่จะหนีกันแล้ว ฉันกลัวมาก ฉันอยากให้มีสันติภาพเกิดขึ้น แต่คิดว่าการเจรจาหยุดยิงคงจบสิ้นแล้ว นี่เป็นคืนที่ 3 แล้วที่พวกเราไม่ได้นอน” วิคตอเรีย หญิงชราวัย 46 ปี ชาวเมืองมาริวโปลบอกกับเอเอฟพี
พวกกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซียยังคงยืนยันว่าจะไม่ล้มเลิกความคิดที่จะประกาศให้พื้นที่ยูเครนตะวันออกเป็นประเทศเอกราช
“เราต้องการจะมีประธานาธิบดีของพวกเราเอง รวมถึงใช้สกุลเงินและระบบการธนาคารของเราเอง ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น ไม่มีหนทางอื่น” โอเล็ก นักรบฝ่ายกบฏผู้หนึ่งบอกกับเอเอฟพี
ข้อตกลงที่เกิดขึ้นในกรุงมินสก์ ได้ระบุให้ทั้งสองฝ่ายถอนกำลังออกจากจุดปะทะพร้อมทั้งให้มีการแลกเปลี่ยนเชลย รวมถึงให้มีการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่บรรดาเมืองต่างๆ ในยูเครนตะวันออกที่ได้รับความเสียหายจากการสู้รบ
แต่ยังไม่มีการยืนยันว่า มีเรื่องใดบ้างในข้อตกลงดังกล่าวที่ได้ดำเนินการไปแล้ว
ถึงกระนั้น โปโรเชนโก ก็ยังระบุว่า ตัวเขาพอใจกับข้อตกลงนี้ ซึ่งนั่นอาจทำให้เขาต้องถูกกล่าวหาว่า ยอมศิโรราบให้กับฝ่ายกบฏที่กำลังได้เปรียบอยู่ในช่วงหลังๆ รวมถึงยังล้มเหลวในการรวมชาติขึ้นมาใหม่ให้เป็นปึกแผ่น ดังเช่นที่เคยสัญญาไว้เมื่อตอนที่ได้รับการเลือกตั้งช่วงเดือนพฤษภาคม
นอกจากนี้ ข้อตกลงสันติภาพที่ทำกันในกรุงมินสก์ ยังอาจเปิดโอกาสให้ฝ่ายกบฏแบ่งแยกดินแดนสามารถควบคุมดินแดนยูเครนตะวันออกที่มีประชากร 1 ใน 6 และควบคุมการส่งออก 1 ใน 4 ของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การสู้รบเป็นเวลาหลายเดือนได้ทำให้เมืองเล็กๆ นับสิบแห่งในยูเครนตะวันออกได้รับความเสียหาย รวมถึงยังทำให้บรรดาโรงงานและเหมืองถ่านหินที่เป็นกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจยูเครน ต้องหยุดการทำงาน
