เอเอฟพี - คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันจันทร์ (1 ก.ย.) เห็นพ้องอย่างเป็นเอกฉันท์ส่งคณะผู้แทนฉุกเฉินไปยังอิรัก เพื่อสืบสวนความโหดร้ายของพวกรัฐอิสลาม ขณะที่แบกแดดเตือนว่าประเทศกำลังเผชิญกับปีศาจก่อการร้าย
สมาชิก 47 ชาติขององค์กรสิทธิมนุษยชนสูงสุดของสหประชาชาติขานรับโดยไม่ต้องมีการลงมติ ต่อคำเรียกร้องให้เข้าตรวจสอบความโหดเหี้ยมของพวกรัฐอิสลามที่เสนอโดยอิรักและได้รับการสนับสนุนจากชาติต่างๆ มากกว่า 100 ประเทศ
เหล่าคณะทูตเห็นพ้องกัน หลังจากใช้เวลาทั้งวันในการรับฟังรายละเอียดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดอันน่าสยดสยองและการก่ออาชญากรรมลักษณะต่างๆ ของพวกนักรบญิฮัดที่เรียกตัวเองว่า “รัฐอิสลาม” ในนั้นรวมถึงสังหารหมู่ บังคับเปลี่ยนศาสา ลักพาตัว กดขี่เป็นทาส ประทุษร้ายทางเพศ รวมถึงใช้เด็กเป็นทหารและมือระเบิดฆ่าตัวตาย
“เรากำลังเผชิญปีศาจก่อการร้าย” โมฮัมเหมด เชีย อัล-ซูดานี รัฐมนตรีสิทธิมนุษยชนของอิรัก บอกกับคณะกรรมการ พร้อมกับคร่ำครวญว่าการกระทำดังกล่าวของพวกรัฐอิสลาม เทียบเท่ากับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมต่อมนุษย์"
การประชุมนัดพิเศษครั้งนี้มีขึ้นตามคำร้องขอของอิรัก และได้รับการสนับสนุนจาก 5 ชาติสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อันได้แก่ อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส รัสเซียและสหรัฐฯ รวมถึงชาติอื่นๆ ด้วย “รายงานต่างๆ ที่เราได้รับเผยให้เห็นถึงพฤติกรรมไร้มนุษยธรรมต่างๆ ในขอบเขตที่มิอาจจินตนาการได้” ฟลาเวีย ปันซิเอรี ผู้ช่วยผู้อำนวยการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวเปิดการประชุมฉุกเฉินที่มี 47 ชาติสมาชิกเข้าร่วม
พวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) รุกคืบเข้ายึดครองพื้นที่เป็นวงกว้าง ทั้งทางภาคเหนือและทางตะวันตกของอิรัก มาตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน นอกจากนี้แล้วพวกเขายังบุกยึดดินแดนบางส่วนของซีเรียและประกาศจัดตั้งรัฐอิสลามคร่อมพื้นที่ของทั้งสองประเทศ
นักรบกลุ่มนี้ยังสร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกด้วยการเผยแพร่คลิปสังหารหมู่และฆ่าตัดศีรษะเชลยจำนวนมาก ในนั้นรวมถึงนายเจมส์ โพลีย์ ผู้สื่อข่าวสหรัฐฯ “เรื่องราวที่ปรากฎจากการจู่โจมนองเลือดของพวกไอเอสต่ออิรักคือหนึ่งในฝันร้าย” ทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติบอกในวันจันทร์ (1 ก.ย.) และยืนยันว่าปฏิกิริยาตอบสนองของคณะมนตรีความมั่นคงฯ มีความสำคัญยิ่ง
สหประชาชาติเผยว่า แค่เดือนที่แล้วเดือนเดียว มีผู้คนถูกสังหารในอิรักอย่างน้อย 1,420 คน ขณะที่ชาวบ้านอีกกว่า 1.8 ล้านคนที่หลบหนีออกจากบ้านเรือนนับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สหประชาชาติกล่าวหาไอเอสก่ออาชญากรรมสงครามและก่ออาชญากรรมต่อมนุษย์ในนั้นรวมถึงกำจัดทางเผ่าพันธุ์และศาสนา พร้อมเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในพื้นที่ต่างๆ ของอิรัก โดยซูดานี ย้ำว่าการกระทำของไอเอส ไม่ใช่ภัยคุกคามต่ออิรักเท่านั้น แต่ถือเป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาคทั้งมวล และเตือนว่าพวกนักรบญิฮัดกลุ่มนี้ มีทีท่าจะเป็นอันตรายกับทุกประเทศในโลกในอนาคตอันใกล้อีกด้วย
