เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีแดนจิงโจ้ “โทนี แอบบ็อตต์” ออกมาระบุในวันจันทร์ (1 ก.ย.) ว่าออสเตรเลียจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียให้เท่าเทียมกับชาติสมาชิกของสหภาพยุโรป สืบเนื่องมาจากเหตุวิกฤติในยูเครน
ออสเตรเลียได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรกับรัสเซียอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่แอบบ็อตต์ระบุว่า จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น หลังจากที่ทางมอสโกยังคงดื้อดึงและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสู้รบในภาคตะวันออกของยูเครน
“ออสเตรเลียจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียให้อยู่ในระดับเดียวกับที่สหภาพยุโรปดำเนินอยู่” แอบบ็อตต์บอกต่อรัฐสภาในกรุงแคนเบอร์รา
ผู้นำออสเตรเลียระบุว่าจะไม่มีการส่งออกอาวุธล็อตใหม่ ไม่ยอมให้ธนาคารที่รัฐบาลรัสเซียเป็นเจ้าของได้เข้าถึงตลาดทุนของออสเตรเลีย ไม่มีการส่งออกผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ไม่ทำการค้าหรือการลงทุนใหม่ๆ ในไครเมีย ขณะที่บรรดาบุคคลซึ่งอยู่ในรายชื่อผู้ที่ถูกอาญัติทางการเงินและห้ามเดินทางเข้าออสเตรเลีย ก็จะเจอกับมาตรการที่รุนแรงขึ้น
สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้ทยอยเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา สืบเนื่องจากไม่พอใจท่าทีของรัสเซียที่มีต่อวิกฤตในยูเครน ซึ่งรวมถึงกรณี ไครเมีย ดินแดนที่ถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
เมื่อวันอาทิตย์ (31 ส.ค.) ทางสหภาพยุโรปได้ประกาศให้เวลารัสเซีย 1 สัปดาห์ สำหรับการหยุดสนับสนุนกลุ่มกบฏในภาคตะวันออกของยูเครน มิฉะนั้นจะต้องเจอกับมาตรการลงโทษใหม่ๆ อีกระลอก พร้อมกับเตือนว่าวิกฤติในยูเครนที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั้นทำให้ทุกชาติในยุโรปต้องตกอยู่ในความเสี่ยง
ออสเตรเลียได้เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการสู้รบในยูเครน หลังจากที่มีชาวออสเตรเลีย 38 รายเสียชีวิต จากการตกของเที่ยวบิน MH17 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ สที่ถูกยิงเหนือน่านฟ้าในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม ทำให้ 298 ชีวิตบนเครื่องบินลำนั้นตายหมด
แอบบ็อตต์ระบุว่า รัสเซียได้ใช้วิธีการแบบสงครามตัวแทนในการสั่นคลอนความมั่นคงของยูเครน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการละเมิดและขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ทั้งยังเป็นการคุกคามต่ออธิปไตยของยูเครน