รอยเตอร์/เอเอฟพี - ข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่มีกำหนดยังคงยืนหยัดได้ในวันพุธ (27 ส.ค.) พบเห็นประชาชนในกาซาออกมาจับจ่ายซื้อของและไปธนาคาร พยายามกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ผิดกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ที่ต้องเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักภายในประเทศต่อการลงทุนที่แสนแพงในความขัดแย้งกับพวกนักรบปาเลสไตน์ แต่กลับไม่ได้ชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮู ก็แถลงโต้ยืนกรานพวกฮามาสถูกเล่นงานอย่างหนักและไม่ได้บรรลุเป้าหมายตามที่เรียกร้องแม้แต่น้อย
บนท้องถนนสายต่างๆ ของฉนวนกาซาที่ปกครองโดยฮามาส ประชาชนมุ่งหน้าไปยังร้านค้าและธนาคาร พยายามกลับมาใช้ชีวิตตามปกติตามหลังเหตุสู้รบยืดเยื้อนาน 7 สัปดาห์ ขณะที่อีกหลายพันคนซึ่งหลบหนีไปพักพิงอยู่กับญาติๆหรือตามโรงเรียนต่างๆ ก็กลับสู่บ้านพัก แต่บางส่วนต้องพบว่ามันกลายเป็นเศษซากหักพังไปแล้ว
ในอิสราเอล เสียงไซเรนเตือนภัยจรวดจากกาซาเข้าสู่ภาวะเงียบสงัด แต่เหล่านักวิจารณ์ตามหน้าหนังสือพิมพ์เห็นพ้องกับสมาชิกบางส่วนภายในรัฐบาลผสมของนายเบนจามิน เนทันยาฮู ที่แสดงความผิดหวังต่อความเป็นผู้นำของเขาระหว่างเหตุความรุนแรงระหว่างรัฐยิวกับปาเลสไตน์ครั้งยืดเยื้อที่สุดในรอบทศวรรษ
“หลังผ่านพ้น 50 วันของสงคราม ซึ่งองค์กรก่อการร้ายเข่นฆ่าทหารและพลเรือนหลายสิบคน ทำลายกิจวัตรประจำวันและฉุดสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศสู่ความยุ่งยาก เราคาดหวังอะไรที่มากกว่าถ้อยแถลงหยุดยิง” ไซมอน ชิฟเฟอร์ นักวิเคราะห์เขียนลงใน Yedioth Ahronoth หนังสือพิมพ์ขายดีที่สุดของอิสราเอล “เราอยากเห็นนายกรัฐมนตรีไปยังทำเนียบประธานาธิบดีและแจ้งกับเขาว่าขอลาออกจากตำแหน่ง”
อย่างไรก็ตาม นายเนทันยาฮูออกมากล่าวต่อสาธารณชนในวันพุธ (27) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงไม่มีกำหนดซึ่งมีอียิปต์เป็นคนกลางมีผลบังคับใช้ในช่วงเย็นวันอังคาร (26) ยืนยันว่าพวกฮามาสไม่สมประสงค์ในคำเรียกร้องใดๆ เลย “ฮามาสถูกเล่นงานอย่างหนักหน่วงและไม่ได้ตามข้อเรียกร้องแม้แต่น้อย ฮามาสต้องการท่าเรือและสนามบินในกาซา ปล่อยนักโทษปาเลสไตน์ ขอให้คนกลางอย่างกาตาร์และตุรกี จ่ายค่าแรงแก่ลูกจ้างของพวกเขา แต่ก็ไม่ได้อะไรเลย”
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์บอกว่า นับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการโจมตีที่อ้างว่ามีเป้าหมายยุติการยิงจรวดข้ามพรมแดนของพวกฮามาส เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ส่งผลให้ผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซา 2,139 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ในนั้นมีเด็กมากกว่า 490 ศพ ขณะที่ฝั่งรัฐยิวมีทหารเสียชีวิต 64 นาย และพลเรือนอีก 5 ศพ
ข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวเรียกร้องระงับความเป็นปรปักษ์ระหว่างกันอย่างไม่มีกำหนด เปิดจุดผ่านแดนของกาซาติดกับอิสราเอลและอียิปต์ที่ถูกปิดกั้นมานานหลายปีในทันที รวมถึงขยายเขตทำประมงในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแก่ชาวปาเลสไตน์
ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของพวกนักรบฮามาส ผู้ปกครองกาซาโดยพฤตินัย แสดงความเต็มใจว่าจะเป็นกองกำลังความมั่นคงแห่งประธานาธิบดีปาเลสไตน์ มาห์มูด อับบาส ที่ได้รับการหนุนหลังจากชาติตะวันตก รวมถึงรัฐบาลสามัคคีที่เขาจัดตั้งขึ้นในเดือนมิถุนายน เพื่อเข้าควบคุมจุดผ่านแดนต่างๆ
ทั้งอิสราเอล และอียิปต์ ล้วนมองฮามาสในฐานะภัยคุกคามด้านความมั่นคง และแสวงหาคำรับประกันว่าอาวุธจะไม่ถูกส่งเข้าไปยังฉนวนที่มีประชากร 1.8 ล้านคน
ในระยะที่ 2 ของข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งจะเริ่มขึ้นหนึ่งเดือนหลังจากนี้ อิสราเอลและปาเลสไตน์จะเปิดหารือกันถึงการก่อสร้างท่าเรือในกาซาและปล่อยตัวนักโทษฮามาสที่รัฐยิวควบคุมตัวไว้ในเขตเวสต์แบงก์ ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะเป็นการแลกกับศพนายทหารอิสราเอล 2 คนที่ฮามาสเก็บเอาไว้
ช่วงไม่กี่สัปดาห์ อิสราเอลบอกว่าพวกเขาอยากให้กาซาเป็นเขตปลอดอาวุธอย่างสมบูรณ์ ซึ่งสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปก็สนับสนุนเป้าหมายนี้ แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามันจะหมายความอย่างไรในทางปฏิบัติ ขณะที่ฮามาสบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้
อิสราเอลบอกว่าพวกเขาสร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่ฮามาส ด้วยสามารถปลิดชีพผู้นำทางทหารของพวกนักรบกลุ่มนี้ไปหลายคนและทำลายอุโมงค์ใต้ดินที่พวกอิสลามิตส์กลุ่มนี้ใช้แทรกซึมเข้ามาก่อเหตุร้ายใรัฐยิว อย่างไรก็ตาม อิสราเอลเองก็เจอการยิงจรวดโจมตีข้ามพรมแดนเข้ามาอย่างไม่ลดละตลอดช่วงเกือบ 2 เดือนแห่งความขัดแย้ง ทำให้ผู้คนหลั่งไหลหลบหนีออกจากชุมชนใกล้แนวชายแดนและเกิดความโกลาหลในวิถีชีวิตประจำวันของประชาชนในดินแดนส่วนกลางด้านการค้า
“พวกเขากำลังเฉลิมฉลองกันในกาซา” อูซี ลันดาอู รัฐมนตรีจากพรรคขวาจัด ยิสราเอล เบเตยู ในรัฐบาลผสมของเนทันยาฮู ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุแห่งหนึ่ง พร้อมบอกว่าสำหรับอิสราเอลแล้ว ผลลัพธ์ของสงครามเศร้างหมองอย่างยิ่ง เพราะมันไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณเตือนที่เพียงพอที่จะปรามไม่ให้พวกฮามาสลงมือโจมตีอีกในอนาคต
ด้านนายนาฮูม บาร์เนีย หนึ่งในคอลัมนิสต์ยอดนิยมของอิสราเอล แสดงความกังวลว่าแทนที่จะเป็นการเปิดทางกำจัดภัยคุกคามจากกาซา “แต่เรากลับเปิดดส้นทางใหม่สำหรับภัยคุกคามรอบต่อไป ในเลบานอนหรือในกาซา” เขากล่าว “ชาวอิสราเอลตต้องการผู้นำ รัฐบุรุษที่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ใครบางคนที่ต้องตัดสินใจ เชื่อมต่อและพูดคุยกับประชาชนของเขาด้วยความจริงใจ แต่พวกเขาได้แค่โฆษกที่ออกมาพูดแค่บางครั้งบางคราวและไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”
ส่วนเบน คัสพิต เขียนลงในหนังสือพิมพ์มาริพ เดลี บอกว่า “ไม่มีชัยชนะสำหรับอิสราเอลในความขัดแย้งที่สร้างความล่มสลายทางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจขยับเข้าใกล้ภาวะถดถอยเต็มที” โดยความคิดเห็นของเขาสอดคล้องกับธนาคารกลางอิสราเอลที่ประมาณการณ์ว่าสงครามกับปาเลสไตน์ กัดเซาะการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ลงถึงร้อยละ 0.5