xs
xsm
sm
md
lg

หนนี้ใช้แค่พลุ! “สถานทูตอังกฤษในสหรัฐฯ” ขอโทษ หลังฉลอง “ครบรอบ 200 ปี เผาทำเนียบขาวสำเร็จ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - เจ้าหน้าที่ทูตประจำสถานทูตอังกฤษต้องออกมาขอโทษหลังจากมีภาพทางทวิตเตอร์ที่ถูกส่งออกมาจากแอ็กเคานต์ของสถานทูตอังกฤษประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีเค้กจำลองทำเนียบขาวขนาดใหญ่ที่มีธงยูเนียนแจ็กของอังกฤษ และธงสตาร์ สแปงเกิล แบนเนอร์ของสหรัฐฯ พร้อมกับมีพลุไฟเย็นปักอยู่รอบทำเนียบขาวภายใต้สโลแกน “คราวนี้เราใช้แค่พลุไฟ” แสดงถึงงานฉลองรื่นเริงเป็นการภายในที่ทางสถานทูตอังกฤษได้จัด “งานบาร์บีคิวทำเนียบขาว” เฉลิมฉลองครบรอบ 200 ปีที่อังกฤษสามารถบุกยึดวอชิงตัน เป็นเวลา 26 ชม. และเผาทำเนียบรัฐบาลสหรัฐฯ ได้สำเร็จในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1814

สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้ (25) ว่า สถานทูตอังกฤษประจำกรุงวอชิงตันได้จัดงานฉลอง “บาร์บีคิวทำเนียบขาว” ในวันอาทิตย์ (24) เพื่อฉลองครบรอบ 200 ปีรำลึกวันกองทัพอังกฤษสามารถบุกยึดเมืองหลวงของสหรัฐฯ ได้สำเร็จ และได้จุดไฟเผาทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ อันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ

นอกจากนี้ ทางสถานทูตอังกฤษยังได้ทวีตข้อความจากแอ็กเคานต์ของสถานทูต เผยแพร่ภาพเค้กจำลองทำเนียบขาวขนาดใหญ่ที่มีธงยูเนียนแจ็ก (อังกฤษ) และธงสตาร์ สแปงเกิล (สหรัฐฯ) แบนเนอร์ พร้อมกับมีพลุไฟเย็นปักอยู่รอบทำเนียบขาว ภายใต้สโลแกน “คราวนี้เราใช้แค่พลุไฟ”

ภาพการฉลองนี้ถูกรายงานเป็นครั้งแรกโดยสื่ออังกฤษ หนังสือเทเลกราฟ เมื่อวานนี้ (24) ที่มีคำบรรยายใต้ภาพว่า “ฉลอง 200 ปีของการเผาทำเนียบขาว แต่คราวนี้แค่ใช้พลุไฟเท่านั้น!”

และ 3 ชั่วโมงหลังจากที่ได้รับกระแสความไม่พอใจจากชาวอเมริกันหลายสิบคนทางทวิตเตอร์ จนทำให้ทางสถานทูตอังกฤษต้องออกแถลงการณ์ขออภัย พร้อมกับข้อความอธิบายว่า “ทางสถานทูตจัดงานรื่นเริงเพียงเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีมายาวนาน”

ข้อความทวิตเตอร์ครั้งแรกของสถานทูตอังกฤษต้องการสื่อไปถึงเหตุการณ์ในวันที่ 24 สิงหาคม 1814 เมื่อกองทัพอังกฤษสามารถบุกยึดวอชิงตันได้สำเร็จเป็นเวลา 26 ชม. และได้วางเพลิงเผาหลายแห่ง รวมไปถึงแคปิตอล อิล และทำเนียบขาว แต่กระนั้นกองทัพอังกฤษต้องล่าถอยกลับไปยังเรือรบของพวกเขาเมื่อเผชิญกับพายุทอร์นาโด และพายุฝนตกฟ้าคะนองหนัก

เหตุการณ์ในเดือนสิงหาคม 1814 เป็นครั้งเดียวของประวัติศาสตร์สหรัฐฯที่เมืองหลวงของประเทศถูกโจมตี และสร้างความเสียหายให้กับศูนย์กลางทางอำนาจของประเทศ และผลจากการบุกยึดทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 4 ของสหรัฐฯ เจมส์ แมดิสัน (James Madison) และสุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ ดอลลี (Dolly) ต้องหลบหนี ทั้งนี้สงครามระหว่างอังกฤษและสหรัฐฯ ในปี 1812 ถือเป็นครั้งแรกของประเทศที่สหรัฐฯประกาศทำสงครามกับชาติอื่น และสงครามปี 1812 รู้จักในนามสงครามประกาศอิสรภาพหนที่ 2 และท้ายที่สุดทั้งอังกฤษและอเมริกาจบลงทำสนธิสัญญาสันติภาพใน Ghemt ในเบลเยียม เมื่อปี 1814 ซึ่งทำให้มีการตกลงเขตแดนระหว่างแคนาดาและสหรัฐฯ และเปิดโอกาสให้วอชิงตันสามารถขยายเขตแดนไปทางดินแดนตะวันตกซึ่งเป็นดินแดนของชนพื้นเมืองอินเดียนอเมริกันในขณะนั้น และผลจากสงครามปี 1812 ทำให้ทั้งอังกฤษและสหรัฐฯ ต่างได้ประโยชน์ แต่ชาวพื้นเมืองอินเดียนอเมริกันเป็นผู้เสียประโยชน์ในท้ายที่สุด

นอกจากนี้ ผลจากทวิตเตอร์ของสถานทูตอังกฤษทำให้ชาวอเมริกันหลายสิบคนต่างไม่พอใจ และตำหนิทวีต “บาร์บีคิวทำเนียบขาว” รวมไปถึงยอสซี เกสเต็ตเนอร์ (Yossi Gestetner) ได้ทวีตกลับไปว่า “สวัสดีเดวิด คาเมรอน ข้อความทวิตเตอร์ที่ออกมาจากสถานทูตอังกฤษช่างไร้รสนิยมสิ้นดี ช่างน่าผิดหวังในพรรคคอนเวอร์เซตีฟอังกฤษ”
(ซ้ายบน) สุภาพสตรีหมยายเลข 1 สหรัฐฯ ดอลลี ในรัฐบาลของประธานาธิบดีเจมส์ แมดิสัน กำลังเก็บเอกสารสำคัญของทำเนียบขาว ก่อนที่จะหนีออกไปหลังถูกกองทัพอังกฤษโจมตีในวันที่ 24 สิหาคม 1814
ภาพทำเนียบขาวหลังจากเหตุการณ์ถูกเผาแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น