เอเจนซีส์ - เป็นครั้งแรกที่อินเดียจะลงโทษประหารชีวิต 2นักโทษหญิงพี่น้องชาวอินเดีย เรนูกา ชินเด (Renuka Shinde)วัย41 ปี และซีมา กาวิต (Seema Gavit)วัย 36 ปีด้วยการแขวนคอจากความผิดในปี 2001 ร่วมลักพาตัวเด็กและสังหารเหยื่อทิ้งหลังจากที่ใช้ให้เด็กเหล่านั้นขอทานในรัฐมหาราษฏระ
ในเดือนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีอินเดีย ปรณัพ มุขชี ปฎิเสธคำร้องขอชีวิตของ เรนูกา ชินเด (Renuka Shinde)วัย41 ปี และซีมา กาวิต (Seema Gavit)วัย 36 ปี ฆาตกรแก๊งขอทานที่ร้องขอลดหย่อนโทษ เช่นเดียวกับศาลสูงอินเดีย และศาลอุทธรณ์ต่างได้ปฎิเสธคำร้องขอชีวิตของนักโทษทั้งคู่
ในขณะนี้คนทั้งคู่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลาง เยราวาดา (Yerawada )ใกล้กับเมืองปูเน(Pune) และตามทฤษฏีแล้ว ทั้งชินเดและกาวิตสามารถถูกลงโทษตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอได้ตลอดเวลา ซึ่งเมื่อวานนี้(18) ไม่มีตัวแทนจากเรือนจำกลางเยราวาดาออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่รายงานจากสื่อท้องถิ่นกล่าวว่า เจ้าหน้าที่อินเดียได้ติดต่อตำรวจ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และแพทย์ เพื่อเตรียมพร้อมกระบวนการประหารชีวิตที่คาดว่าจะเริ่มขึ้น
นับตั้งแต่ปี 1983 ศาลอินเดียสั่งลงโทษประหารชีวิตจำนวนน้อยครั้ง และในไม่กี่ปีล่าสุด มีนักโทษเพียงหยิบมือที่ถูกประหารชีวิต และหนึ่งในคดีดังประหารชีวิตเป็นที่รู้จักคือ การลงโทษประหารชีวิตสมาชิกก่อการร้ายชาวปากีสถาน อัจมาล คาซาบ (Ajmal Kasab)ที่ถูกตัดสินแขวนคอในปี 2012 จากเหตุก่อการร้ายโจมตีมุมไบปี 2008
และหลังจากคดีแก๊งข่มขืนนักศึกษาสาวอินเดียบนรถเมล์นิวเดลีปี 2012 แล้ว รัฐบาลอินเดียได้ปรับปรุงกฎหมายข่มขืนที่มีการขยายบทลงโทษให้รุนแรงมากขึ้นถึงขั้นประหารชีวิตต่อผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมที่มีการล่วงละเมิดทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง และจากรายงานพบว่ายังไม่มีการประหารนักโทษหญิง
ทั้งชินเดและกาวิตถูกจับกุมครั้งแรกในปี 1996 พร้อมกับอันจามา (Anjama) มารดาของคนทั้งคู่ ในความผิดลักพาตัวและสังหารเด็กเพื่อหลอกล่อทรัพย์สินจากผู้อื่น ในชั้นศาล ผู้ต้องหาให้การว่า แก๊งขอทานจะใช้เด็กอายุน้อยที่สุด หรือเด็กที่ได้รับบาดเจ็บเพื่อเรียกร้องความสงสารจากผู้คนที่ผ่านไปมา และในระหว่างการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม อันจามาได้เสียชีวิตลง
ในขณะเดียวกันมานิค มูลิค (Manik Mulik) ทนายความของนักโทษหญิงแก๊งขอทานเปิดเผยว่า ถึงแม้ประธานาธิบดีมุขชีจะปฎิเสธคำร้องขอลดหย่อนโทษ แต่มูลิคยังมีแผนที่จะยื่นขออุทธรณ์รอบใหม่ที่ศาลอุทธรณ์อินเดียภายในสัปดาห์นี้ เพราะลูกความของมูลิคถูกจำคุกรอการประหารชีวิตมานานร่วม 13ปี และส่วนหนึ่งของคำพิพากษาศาลสูงอินเดียล่าสุดได้กล่าวว่า “ความล่าช้าในการลงโทษประหารชีวิตสามารถมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตของนักโทษได้”
แต่มีนัคชี กานกูลีย์ (Meenakshi Ganguly) ฮิวแมนไรท์วอชอินเดีย กลับเห็นแย้งต่อการตัดสินลงโทษนักหญิงอินเดียด้วยการแขวนคอว่า “ นักโทษหญิงทั้งคู่ได้ถูกลงโทษสำหรับความผิดที่ศาลได้ตัดสินตามมาตรฐานกระบวนการยุติธรรมอินเดีย แต่ทางฮิวแมนไรท์วอชเชื่อว่า การลงโทษประหารชีวิตสมควรจะต้องถูกยกเลิกเพราะถือเป็นการโหดร้าย และทางองค์กรขอเรียกร้องให้ทุกประเทศ รวมถึงอินเดีย ให้ประกาศหยุดใช้วิธีประหารชีวิตชั่วคราวในทันที และพร้อมเดินหน้าทำการยกเลิกการลงโทษประหารชีวิตควบคุ่กันไป”