เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุในวันนี้ (18 ส.ค.) ว่ามีนักปีนเขา 2 รายพร้อมกับไกด์นำทางพลัดตกลงจากเทือกเขามองบลังค์ที่ระดับความสูง 800 เมตรจนถึงแก่ความตาย นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นกับภูเขาที่สูงที่สุดในยุโรปแห่งนี้
"การพลัดตกลงมาจากระดับความสูง 800 เมตรทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสรอดเลย" เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว พร้อมกับระบุเพิ่มเติมว่า พวกเขาอาจจะตกจากบริเวณสันเขา ซึ่งเป็นทางที่นักปีนเขามักจะใช้เวลากลับกระท่อมที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ
ตำรวจระบุว่า กำลังดำเนินการสืบสวนเพื่อค้นหาสาเหตุของการตกเขาครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นเพราะบริเวณพื้นหิมะที่พวกเขายืนอยู่มันพังลงมา ทำให้ไกด์ไม่สามารถช่วยเหลือนักปีนเขาเหล่านี้ไว้ได้
หลังจากที่เริ่มค้นหากันตั้งแต่เย็นวันเสาร์ (16 ส.ค.) เฮลิคอปเตอร์ของหน่วยกู้ภัยก็พบศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ในคืนวันอาทิตย์ (17 ส.ค.) ใกล้กับ "เอไกล์ เดอ มีดี" ยอดเขาที่มีความสูงมากถึง 3,842 เมตร
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ก็มีเหตุการณ์นักปีนเขา 6 รายพลัดตกลงมาจากความสูงระดับ 250 เมตรจนเสียชีวิต บริเวณยอดเขา เอไกล์ ดิ อาชองเตีย ทำให้มียอดจำนวนผู้ตายและสูญหายอยู่ที่ 20 รายแล้วนับตั้งแต่เริ่มฤดูกาลปีนเขาครั้งล่าสุดนี้
อุบัติเหตุครั้งนั้น นับเป็นครั้งที่มีการสูญเสียมากที่สุดของภูเขาลูกนี้ในรอบกว่า 2 ปี ซึ่งนักปีนเขาทั้ง 6 รายที่เสียชีวิตระหว่างวันที่ 15 - 30 กรกฎาคมนั้นเป็นชาวไอร์แลนด์ 2 ราย ชาวฟินแลนด์ 2 ราย เยอรมัน 1 รายและฝรั่งเศสอีก 1 ราย
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มีนักปีนเขาชาวสหรัฐฯ รายหนึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนจำนวนมาก หลังจากพยายามจะปีนเขาลูกนี้โดยกระเตงเอาลูกชายวัย 9 ขวบกับลูกสาววัย 11 ขวบไปด้วย แต่ปรากฏว่าไปเจอเข้ากับหิมะถล่ม
แม้ว่าครอบครัวนี้จะเอาตัวรอดมาได้ แต่เมื่อภาพวีดีโอที่บันทึกเหตุการณ์ครั้งนั้น ในบริเวณซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ "เส้นทางมรณะ" ถูกนำออกเผยแพร่ในสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่แล้ว ก็ทำให้เกิดเสียงโวยวายไปทั่ว ถึงความไม่เหมาะสม โดยมีหลายคนที่เกรงว่าภูเขาลูกนี้จะกลายเป็นจุดท่องเที่ยวที่ใครต่อใคร ต่างก็พากันไปเที่ยวตามอำเภอใจ