เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประธานธนาคารกลางยุโรปชี้การโหมกระพือความตึงเครียดกับรัสเซียกำลังคุกคามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซน
มาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ชาวอิตาลี เจ้าของตำแหน่งบุคคลทรงอิทธิพลอันดับที่ 9 ของโลกตามการจัดอันดับของนิตยสาร “ฟอร์บส์” ประจำปี 2013 เปิดเผยในวันจันทร์ (11) ผ่าน “ไฟแนนเชียล ไทม์ส” สื่อดังของอังกฤษโดยยอมรับเป็นครั้งแรกว่าการที่โลกตะวันตกโหมกระพือเชื้อไฟแห่งความขัดแย้งและสร้างบรรยากาศแห่งความตึงเครียดกับรัสเซียนั้นไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซน หรือกลุ่ม 18 ประเทศที่ใช้เงินยูโร เป็นเงินตราสกุลหลักแม้แต่น้อย
ดรากีในวัย 66 ปี ซึ่งรั้งตำแหน่งประธานอีซีบีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2011 ระบุว่า ความตึงเครียดระหว่างโลกตะวันตกกับรัสเซีย จะส่งผลกระทบอย่างเลวร้ายต่อการเติบโตของเศรษฐกิจยูโรโซน ที่ส่อเค้าจะย่ำแย่ลงในช่วง “ครึ่งหลัง” ของปีนี้
และหนึ่งในเศรษฐกิจที่จะได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด คือ เศรษฐกิจของเยอรมนีที่ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกในแง่ของจีดีพี และใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลกในแง่ของอำนาจซื้อ รวมถึงยังเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีสัดส่วนการเติบโตมากกว่า 1 ใน 4 ของยูโรโซน
ไฟแนนเชียลไทม์สยังระบุในรายงานล่าสุดว่า นอกเหนือจากเศรษฐกิจเยอรมนีที่จะได้รับผลกระทบอย่างสำคัญจากผลพวงความขัดแย้งระหว่างโลกตะวันตกกับรัสเซียแล้ว เศรษฐกิจของอิตาลีที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของกลุ่มยูโรโซน รวมถึง เศรษฐกิจของฝรั่งเศสที่ยังคงเปราะบาง จะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งนี้โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
ด้านยอร์ก เครเมอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำ “คอมเมิร์ซบังก์” ธนาคารพาณิชย์ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นลำดับ 2 ของเยอรมนีออกมายอมรับว่า วิกฤตความขัดแย้งในยูเครนที่ทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรง ระหว่างโลกตะวันตกและรัสเซีย ได้ทำลายความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ-นักลงทุนให้ลดน้อยถอยลง และหากวิกฤตดังกล่าวยืดเยื้อยาวนานออกไปก็จะยิ่งเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจของเยอรมนี ที่ต้องพึ่งพา “การส่งออก” เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
