เอเอฟพี – แหล่งข่าวทางการทูตเผยว่า ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้น่าจะจัดการพบปะที่เกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนักในวันนี้ (9) ซึ่งการพบปะดังกล่าวอาจช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดในความสัมพันธ์ของทั้งสองที่กำลังย่ำแย่
แหล่งข่าวทางการทูตในแดนอาทิตย์อุทัยเผยว่า ฟูมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นมีกำหนดการพบปะกับ ยุน บยุงเซ รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีใต้ก่อนหน้าวันหารือด้านความมั่นคงในภูมิภาคในกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของพม่า
“การพบปะระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะมีขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้ (9)” แหล่งข่าวที่ไม่ขอเผยนามบอกกับเอเอฟพี
The last official meeting between the two foreign ministers was in September last year in New York.
การพบปะอย่างเป็นทางการครั้งล่าสุดระหว่างสองรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศมีขึ้นเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วในมหานครนิวยอร์ก
การประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำทั้งสองชาติเมื่อเดือนมีนาคม ที่มีประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯเป็นตัวกลาง ไม่สามารถช่วยให้ความเกลียดชังระหว่างเพื่อนบ้านทั้งสองทุเลาเบาบางลงได้ โดยความเกลียดชังดังกล่าวสืบเนื่องมาจากข้อขัดแย้งในช่วงทีญี่ปุนเข้าปกครองคาบสมุทรเกาหลีเมื่อช่วงปี 1910-1945
ข้อขัดแย้งดังกล่าวยังรวมไปถึงข้อพิพาทด้านดินแดนเหนือหมู่เกาะเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยโขดหินแห่งหนึ่ง และข้อเรียกร้องของโซลที่ต้องการชดเชยมากกว่านี้สำหรับบรรดาสตรีแดนโสมที่เรียกกันว่า “สตรีเพื่อการผ่อนคลาย” ที่ถูกบังคับให้ทำงานเป็นทาสรองรับกามอารมณ์ในซ่องของกองทัพแดนอาทิตย์อุทัยสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ญี่ปุ่นยึดมั่นมาอย่างยาวนานว่าทุกประเด็นเกี่ยวกับสมัยจักรวรรดินิยมได้รับการแก้ปัญหาไปแล้วภายใต้ข้อตกลงทวิภาคีปี 1965 ที่ทำให้ความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้กลับมาเป็นปกติ
อย่างไรก็ตาม สัญญานของความเกลียดชังที่ฝังรากลึกก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ โดยเมื่อวันอังคาร (5) รัฐมนตรีต่างประเทศของโซลได้ออกถ้อยแถลงตราหน้าการอ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะดังกล่าวของญี่ปุ่นว่า “น่าหัวเราะ” และ “ไม่อาจยอมรับได้”
ขณะนี้ ทั้งรัฐมนตรีญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ต่างก็อยู่ในพม่าเพื่อรอเข้าร่วมการประชุมอาเซียนว่าด้วนความร่วมมือด้านการเมองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum ใช้อักษรย่อว่า ARF) ในวันอาทิตย์ (10)
การประชุมครั้งนี้ประกอบด้วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ทั้ง 10 ชาติและบรรดาหุ้นส่วนที่สำคัญๆ เช่น จีน , อินเดีย , รัสเซีย , สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป