เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ออกโรงเตือนในวันพุธ (6) ถึงความเป็นไปได้ในการเกิดวิกฤต “การไหลบ่าของคลื่นผู้อพยพ” ครั้งใหญ่จากผลพวงของการสู้รบที่เกิดขึ้นทางภาคตะวันออกของยูเครน
คำแถลงของยูเอ็นเอชซีอาร์ระบุว่า ในขณะนี้จำนวนผู้อพยพหนีภัยการสู้รบภายในประเทศ ระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของยูเครนได้เพิ่มจำนวนขึ้นจากราว 2,600 คนเป็นราว 103,000 คนแล้วภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือนที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้น ยูเอ็นเอชซีอาร์ยังระบุว่า จำนวนผู้อพยพชาวยูเครนที่หลบหนีออกนอกประเทศไปยังเพื่อนบ้านอย่าง “รัสเซีย” ล่าสุดมีจำนวนถึง 168,000 รายแล้ว ส่วนใหญ่ในจำนวนนี้แสดงความประสงค์ขอลี้ภัยถาวรในแดนหมีขาว และโดยเฉลี่ยมีชาวยูเครนหนีออกนอกประเทศถึง “วันละ 1,200 คน”
ขณะเดียวกัน มีรายงานที่ยืนยันว่ายอดผู้เสียชีวิตจากการสู้รบทางภาคตะวันออกของยูเครนล่าสุด ทั้งในส่วนของพลเรือนและทหารรวมถึงนักรบแบ่งแยกดินแดนได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 1,500 ราย
ทั้งนี้ วิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เกิดขึ้นล่าสุดทางตะวันออกของยูเครน เป็นผลพวงโดยตรง มาจากการสู้รบระหว่างกองทัพรัฐบาลยูเครนกับฝ่ายแบ่งแยกดินแดนที่มีจุดยืน “โปรรัสเซีย” ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างสำคัญนับตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันที่เครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส พร้อมด้วย 298 ชีวิตบนเครื่อง ถูกขีปนาวุธไม่ทราบฝ่ายยิงตกเหนือน่านฟ้าของเขต “โดเนตส์ก”
โดยที่ผ่านมา โลกตะวันตกกล่าวหาว่าฝ่ายนักรบแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการหนุนหลังจากรัสเซียคือ ผู้อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ขณะที่ฝ่ายแบ่งแยกดินแดนก็กล่าวหากองทัพยูเครนว่าเป็นผู้สอยเครื่องบินโดยสารดังกล่าว