เอเอฟพี - สหประชาชาติเปิดเผยในวันนี้ (5 ส.ค.) ว่ามีพลเรือนอย่างน้อย 285,000 คนที่ต้องทิ้งบ้านเรือนเพื่อหลบหนีการสู้รบในแถบตะวันออกของยูเครน พร้อมกับเตือนว่าการปะทะกันที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อาจจะนำไปสู่ “การอพยพครั้งมโหฬาร”
หน่วยงานผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติระบุว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของยูเครนได้บันทึกข้อมูลรายชื่อพลเรือนกว่า 117,000 คนที่พากันเดินทางออกจากพื้นที่ในภาคตะวันออก เพื่อหนีไปยังเขตอื่นๆ ของยูเครน
วินเซนต์ โคเชเทล ผู้อำนวยการฝ่ายยุโรปของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) บอกกับนักข่าวในเจนีวา ว่าตัวเลขดังกล่าวยังเป็นแค่ “การประมาณการขั้นต่ำ” เพราะยังมีผู้ชายอีกจำนวนมากที่ไม่ยอมลงชื่อเอาไว้เพราะกลัวว่าจะถูกเรียกตัวไปเป็นทหารในกองทัพยูเครน และต้องถูกส่งกลับไปยังเขตสู้รบ
เขาระบุอีกว่า นอกจากนี้ นับจนถึงวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ยังมีชาวยูเครนอีกประมาณ 168,000 คนที่ได้ไปยื่นเรื่องกับทางการรัสเซีย เพื่อขอความคุ้มครอง ขอลี้ภัย รวมถึงเหตุผลอื่นๆ อย่างเช่นขอใบอนุญาตเป็นพลเมืองชั่วคราวของรัสเซีย ทำให้ยอดตัวเลขรวมล่าสุดมีอย่างน้อย 285,000 คนที่ต้องทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิด เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นถึง 24 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับข้อมูลของยูเอ็นเอชซีอาร์เมื่อเดือนก่อน
โคเชเทลยังบอกอีกว่า จากข้อมูลของทางการรัสเซีย ระบุด้วยซ้ำว่า ชาวยูเครนมากกว่าครึ่งล้านได้พากันเดินทางเข้าไปในรัสเซียตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยที่ไม่มีการลงทะเบียนรายชื่อคนเหล่านี้เอาไว้ ทั้งนี้ รัสเซียอนุญาตให้ชาวยูเครนเหล่านี้เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า
“จากข้อมูลของทางการรัสเซีย เราเชื่อว่าตัวเลขนี้มีความน่าเชื่อถือ น่าจะมีชาวยูเครนประมาณ 730,000 คน ได้ข้ามแดนเข้าไปในรัสเซียเรียบร้อยแล้วนับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ แต่เราจะไม่เรียกคนเหล่านั้นว่าเป็นผู้ลี้ภัย มีเพียงแค่ 168,000 คนที่ยื่นเรื่องขอรับการคุ้มครองเท่านั้นที่ถือเป็นผู้ลี้ภัย” โคเชเทลกล่าว
อย่างไรก็ตาม โคเชเทลได้อธิบายว่า แม้จะไม่นับเป็นผู้ลี้ภัย แต่คนเหล่านั้นก็ไม่ใช่นักท่องเที่ยวเช่นกัน เพราะพบว่าพวกเขาแค่เดินข้ามชายแดนไปเฉยๆ บางคนก็มีแค่ถุงพลาสติกไม่กี่ใบ แถมส่วนใหญ่ก็ดูอนาถาหมดที่พึ่งพิง
ยูเอ็นเอชซีอาร์ระบุว่า 87 เปอร์เซ็นต์ของผู้พลัดถิ่นเหล่านั้น หนีออกมาจากโดเน็ตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของฝ่ายกบฏในยูเครน ส่วนที่เหลือหนีออกจากไครเมีย ดินแดนที่ถูกผนวกเข้ากับรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
โคเชเทลเตือนว่า จำนวนตัวเลขของชาวยูเครนผู้หนีภัยการสู้รบที่ดูมากมายนี้ ยังกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีคนพากันเดินทางออกจากโดเน็ตสก์และลูฮันสก์ เพื่อไปสู่เขตอื่นๆ ของยูเครนในแต่ละวันมากถึง 1,200 คน
เขาบอกว่า ผู้คนเหล่านั้นพากันออกไปพร้อมกับข้าวของเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น บางกลุ่มถึงที่หมายโดยที่เกือบจะไม่มีอะไรติดตัว หรือไม่ก็โดนยึดไปตอนผ่านจุดตรวจ
เนื่องจากกองทัพยูเครนได้กระชับพื้นที่เข้าใกล้โดเน็ตสก์มากขึ้นเรื่อย ทำให้มีความกังวลว่า การสู้รบที่รุนแรงอาจจะเกิดขึ้นในใจกลางเมือง ซึ่งเป็นบ้านเรือนของผู้คนนับล้าน
โคเชเทลระบุว่า การสู้รบที่รุนแรงในเขตเมืองอาจนำไปสู่ความวินาศสันตะโรและการอพยพครั้งมโหฬาร นอกจากนี้ยังเตือนอีกว่าปัญหาการขาดแคลนน้ำในเมืองลูฮันสก์อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้คนย้ายหนีมากยิ่งขึ้น
