เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้(4) เจ้าชายวิลเลียม และพระชายาเจ้าหญิงแคทเธอรีน รวมไปถึงเจ้าชายแฮร์รี พระอนุชา สมาชิกราชวงศ์รุ่นใหม่แห่งอังกฤษ และนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน เข้าร่วมพิธีวิจิลจุดเทียนรำลึกครบรอบ 100 ปี นับตั้งแต่อังกฤษได้ก้าวเข้าสู่มหาสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่สุสานทหาร เซนต์ ซิมโฟเรียน (St.Symphorien Millitary Cemetery) ใกล้กับ มงส์ (Mons) เบลเยียม
มีการจัดพิธีวิจิลจุดเทียนรำลึกครบรอบ 100ปีของสงครามโลกครั้งที่ 1ณ วิหารเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ พร้อมทางการอังกฤษได้ออกเชิญชวนให้ประชาชนร่วมปิดไฟเป็นเวลา 1 ชม.จนถึงเวลา 23.00 น ซึ่งเป็นเวลาประกาศเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1941 ของอังกฤษ
ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ เจ้าชายแฮร์รี นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน รวมไปถึงตัวแทนจากฝรั่งเศสและเยอรมันเข้าร่วมพิธียามค่ำคืนที่สุสานทหาร เซนต์ ซิมโฟเรียน (St.Symphorien Millitary Cemetery) ใกล้กับ มงส์ (Mons) เบลเยียม ซึ่งทั้งเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงแคทเธอรีนทรงเสด็จเป็นการส่วนพระองค์เยี่ยมชมสุสานของทหารอังกฤษ เครือจักรภพและทหารเยอรมันที่ถูกฝังในสุสานแห่งนี้ในช่วงก่อนเริ่มพิธีการ
งานภาคกลางวันในลีแอช (Liege) เบลเยียม เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมุขของ50 รัฐรวมตัวเพื่อประกอบพิธีสัญลักษณ์การเริ่มต้นบุกเบลเยียม อันเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามในครั้งนี้ ซึ่งทำให้อังกฤษประกาศเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1941
ด้านประธานาธิบดีฝรั่งเศส ฟรองซัวส์ อองลองด์ กล่าวว่า “ฝรั่งเศสถือเป็นสมรภูมิสู้รบแรกในสงครามโลกครั้งที่ 1 และได้ทำการต่อสู้อย่างกล้าหาญในลีแอช และ “วันแห่งหายนะ” ตามมาหลังจากทหารฝรั่งเศสและอังกฤษได้เข้าร่วมในมหาสงครามนี้”
สุสานทหาร เซนต์ ซิมโฟเรียนนั้นสร้างโดยเยอรมันในปี 1917 และถูกครอบครองโดยอังกฤษหลังสิ้นสุดสงครามแล้ว มีร่างทหารกล้านอนอยู่ในที่แห่งนี้ไม่ต่ำกว่า 500 คน ซึ่งประกอบไปด้วยทหารเยอรมันอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง และส่วนที่เหลือเป็นทหารอังกฤษ และเครือจักรภพ
ส่วนเจ้าชายวิลเลียมแห่งราชวงศ์อังกฤษทรงตรัสว่า “เราเคยเป็นศัตรูกันมากกว่า 1 ครั้งในอดีตในศตวรรษที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันเราเป็นเพื่อนและพันธมิตร เราสดุดีผู้กล้าซึ่งพลีชีพเพื่อให้เราต่างได้รับอิสรภาพ เราจะจดจำและรำลึกพวกเขาเหล่านั้น”
ในอังกฤษ เจ้าชายแห่งเวลส์ทรงประกอบพิธีในกลาสโกว์ สก็อตแลนด์ ร่วมกับผู้เข้าร่วมพิธีอื่นๆ ในขณะที่ทั่วประเทศอังกฤษพสกนิกรและธุรกิจห้างร้านพร้อมใจปิดไฟ เหลือไว้แต่แสงเทียนที่สว่างไสวอยู่ในความมืด
การจัดงานรำลึกปิดไฟนั้นมาจากคำกล่าวในช่วงสงครามของเซอร์ เอ็ดวาร์ด เกรย์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษในขณะนั้นที่กล่าวในช่วงก่อนเริ่มมหาสงครามว่า “ตะเกียงไฟทั่วทั้งยุโรปจะค่อยถูกดับลง เราคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นตะเกียงที่ถูกจุดขึ้นอีกครั้งในตลอดชั่วชีวิตของพวกเรา”
การสู้รบที่เริ่มตั้งแต่ปี 1914 จนถึงปี 1918 รู้จักในนาม “มหาสงครามโลกครั้งที่ 1” ที่ทำให้ทหารและพลเรือนจำนวน 17 ล้านคนต้องจบชีวิต
นอกจากนี้สถานที่สำคัญในอังกฤษ อาทิ สะพานทาว์เวอร์บริดจ์ โครงการสวนพฤกษศาสตร์เรือนกระจก Eden Project in Conwall สำนักงานใหญ่สมาพันธ์ฟุตบอลอังกฤษ และพิพิธภัณฑ์สงครามอิมพีเรียล ในกรุงลอนดอน ได้ร่วมรำลึกครบรอบ 100ปี โดยการร่วมปิดไฟในครั้งนี้ด้วย
และดัชเชสแห่งคอนวอล และนักการเมืองชั้นนำของอังกฤษ อาทิ รองนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นิก เคลกก์ (Nick Clegg) และหัวหน้าพรรคแรงงานอังกฤษ เอ็ด มิลลิแบนด์ (Ed Milliband) เข้าร่วมพิธีรำลึกที่วิหารเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ ซึ่งในพิธีรวมไปถึงการค่อยๆดับเทียน และตะเกียงที่สุสานทหารนิรนามได้ถูกดับลงในเวลาที่สงครามโลกครั้งที่ 1 ถูกประกาศขึ้น
ในขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษไม่ได้ทรงเสด็จร่วมรัฐพิธีใด แต่ทรงใช้เวลาส่วนพระองค์ร่วมพิธีไว้อาลัยในโบสถ์ Crathie Kirk ใกล้กับบาลโมรอล (Balmoral) ในสก็อตแลนด์