รอยเตอร์ - กระแสหวาดกลัวเชื้อไวรัส “อีโบลา” ลุกลามหนัก ล่าสุดมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเกาหลีใต้ถึงกับเพิกถอนคำเชิญนักศึกษาชาวไนจีเรีย 3 คนเข้าร่วมงานเสวนานานาชาติ ขณะที่แพทย์อาสาสมัครชาวโสมขาวกลุ่มหนึ่งก็ยกเลิกแผนเดินทางไปภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกในเดือนนี้
นักศึกษาชาวไนจีเรีย 3 คนถูกยกเลิกคำเชิญเข้าร่วมงานเสวนานานาชาติ ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโซลโดยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยสตรีดุกซุง และองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในวันนี้ (4 ส.ค.) โดยทางมหาวิทยาลัยยืนยันว่าขั้นตอนของการเพิกถอนหนังสือเชิญเป็นไป “อย่างสุภาพ”
ก่อนหน้านั้น นักศึกษามหาวิทยาลัยดุกซุงซึ่งเกรงว่าแขกรับเชิญต่างชาติจะนำไวรัสอีโบลาเข้าไปแพร่ในเกาหลีใต้ ได้โพสต์หนังสือเรียกร้องผ่านเว็บไซต์สำนักงานอธิการบดีให้ยกเลิกกิจกรรมทั้งหมดเสีย
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยดุกซุงยืนยันว่างานเสวนาจะจัดขึ้นตามกำหนดเดิม โดยมีนักศึกษา 28 คนจากทวีปแอฟริกาเข้าร่วม
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ไข้เลือดออกอีโบลาได้คร่าชีวิตพลเมืองแถบแอฟริกาตะวันตกไปแล้วกว่า 700 คน
แม้ไวรัสชนิดนี้จะมีอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยสูงถึงร้อยละ 90 แต่จากการแพร่ระบาดครั้งล่าสุดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังสามารถควบคุมอัตราการตายไว้ที่ร้อยละ 60 เท่านั้น
วันนี้ (4) รัฐบาลเกาหลีใต้ได้แจ้งเตือนให้พลเมืองหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน และกินี ซึ่งเป็น 3 ประเทศที่อีโบลากำลังระบาดหนัก ขณะที่แพทย์อาสาสมัครโสมขาวกลุ่มหนึ่งก็ยกเลิกทริปเยือนโกตดิวัวร์และกานา ซึ่งเดิมมีกำหนดเดินทางในเดือนสิงหาคมนี้
เหล่าบล็อกเกอร์ชาวโสมขาวได้โพสต์ข้อความทางอินเทอร์เน็ตเรียกร้องให้รัฐหาวิธีสกัดกั้นเชื้อไวรัสมรณะ โดยหนึ่งในนั้นถึงกับขอให้รัฐบาลห้ามครูสอนศาสนาชาวเกาหลีใต้ที่เข้าไปเผยแผ่ศาสนาในแอฟริกาเดินทางกลับประเทศในระยะนี้
สัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำชาติแอฟริกาได้ตกลงที่จะร่วมมือกันควบคุมวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลาไม่ให้ลุกลามไปยังภูมิภาคอื่นๆ โดยอาจใช้มาตรการโดดเดี่ยวชุมชนที่พบผู้ติดเชื้อ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอเมริกันเผยวานนี้ (3) ว่า แพทย์ชาวอเมริกันที่ได้รับเชื้ออีโบลาในไลบีเรียและถูกส่งตัวกลับไปรักษาที่สหรัฐฯ เริ่มมีอาการดีขึ้นแล้ว