เอเอฟพี – นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ประกาศแผนปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ภายในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการปรับคณะบริหารครั้งแรกนับตั้งแต่เขาก้าวขึ้นสู่อำนาจ หลังจากคะแนนความนิยมกำลังลดฮวบ
"I want to reshuffle the cabinet and review the line-up of party executives in the first week of September," he told Japanese reporters accompanying him on a tour of Latin America on Thursday.
อาเบะ บอกกับผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นที่ร่วมเดินทางไปเยือนละตินอเมริกาเมื่อวานนี้ (31) ว่า “ผมต้องการปรับคณะรัฐมนตรีและทบทวนการจัดลำดับผู้บริหารพรรคเสียใหม่ในสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน”
ผ่านมาเกือบ 600 วันแล้วนับตั้งแต่ที่ พรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ของ อาเบะ รวบอำนาจบริหารได้ด้วยการกวาดคะแนนเสียงอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2012 ซึ่งถือเป็นใบเบิกทางชั้นดีสู่การริเริ่มนโยบายผลักดันเศรษฐกิจที่ซบเซามานานของญี่ปุ่น
ในรายงานของสื่อแดนอาทิตย์อุทัยจากกรุงซานติอาโกของชิลี ซึ่งเป็นช่วงที่ 4 ของการเดินทางเยือน 5 ชาติของผู้นำญี่ปุ่น อาเบะ กล่าวว่า “พรรคแอลดีพีมีผู้ที่มีความสามารถหลายด้าน ผมจะเลือกใช้คนให้เหมาะกับงาน”
ผู้นำญี่ปุ่น กล่าวว่า เขาจะพยายามกันตำแหน่งไว้สำหรับรัฐมนตรีผู้หญิง รวมถึงตำแหน่งสำคัญในพรรคด้วย ขณะที่เขากำลังหาทางผลักดันการมีส่วนร่วมของแรงงานสตรี ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามทำให้ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกแห่งนี้มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น
อาเบะ ปฏิเสธที่จะยืนยันว่า จะมีการปลี่ยนตัวรัฐมนตรีในตำแหน่งสำคัญๆ ด้วยหรือไม่
สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า การปรับ ครม. ครั้งแรกในรอบ 19 เดือนอาจช่วยปลอบประโลมความคับข้องใจที่ก่อตัวขึ้นในหมู่นักการเมืองสังกัดแอลดีพีบางคน ที่กำลังเฝ้ามองตำแหน่งรัฐมนตรีตาปริบๆ นับตั้งแต่ที่พรรคชิงสายบังเหียนรัฐบาลกลับคืนมาได้ หลังจากต้องแฝงอยู่ในเงาของพรรคประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น (ดีพีเจ) ซึ่งเป็นพวกฝ่ายกลางซ้ายมานานถึง 3 ปี
ในโพลที่จัดทำโดยสถานีโทรทัศน์ เอ็นเอชเค และหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวัน นิกเกอิ เผยว่า คะแนนความนิยมของอาเบะ ได้ตกลงมาที่ 50 เปอร์เซ็นต์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่ง จากที่เคยอยู่ที่ราวๆ 65 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเดือนแรกๆ ของวาระการบริหารงานของเขา
คะแนนความนิยมของอาเบะดิ่งเหว หลังจากที่รัฐบาลของเขาเห็นชอบการตีความรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพของญี่ปุ่นเสียใหม่ เพื่อเพิ่มอำนาจทางทหารแก่ญี่ปุ่นในการปกป้องประเทศพันธมิตร
นอกจากนี้ ยังมีกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงในสังคมต่อความพยายามของ อาเบะ ที่จะเริ่มเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใหม่อีกครั้ง หลังถูกปิดไปภายหลังเกิดภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟูกูชิมะไดอิจิ เมื่อปี 2011