เอเจนซีส์ - สื่อนอกตีข่าวหนุ่มไทยในสหรัฐฯ ที่กำลังโด่งดังในยูทิวบ์ ภายหลังใช้พรสวรรค์ในการแสดงตลก กอบโกยรายได้เกือบ 11 ล้านบาท และนำเงินมาช่วยแบ่งเบาภาระหนี้สินของพ่อแม่
โดยปกติแล้ว “ทิโมธี เดลาเกตโต” จะสร้างเสียงหัวเราะให้บรรดาแฟนคลับ 2.5 ล้านคน ด้วยการเล่าโจ๊กทะลึ่ง และแสดงโชว์ล้อเลียนทางโทรทัศน์ ทว่า คลิปวิดีโอล่าสุดของเขากลับกลายเป็น “หนังชีวิต” อย่างแท้จริง
นักแสดงตลก และแรปเปอร์ผู้นี้มีชื่อจริงว่า “ทิม จันทรางศุ” เขาเป็นลูกของสองสามีภรรยาชาวไทยที่อพยพไปตั้งรกรากในสหรัฐฯ
ทิมเล่าว่า รายได้หลักของเขามาจากค่าโฆษณาทางช่อง “ทิโมธี เดลาเกตโต” ในยูทิวบ์
เขาผลิตวิดีโอออกมามากมาย ซึ่งรวมถึงคลิปเสียดสี ที่ล้อเลียนโฆษณาเสื้อคลุม “สนักกี” (Snuggie) ยอดฮิต นอกจากนี้เขายังเขียนบทและทำละครสั้นอย่างเทปซึ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ที่เลียนแบบรายการ “แคตฟิช” ของช่องเอ็มทีวี
เขากล่าวว่า “มีไม่กี่คนหรอกที่จะทำเหมือนผม โดยเฉพาะชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย รายการตลกของผมค่อนข้างทะลึ่ง และผมมักจะเล่นมุกแบบตรงไปตรงมา ผมจึงหลุดออกนอกกรอบ ผมมีแฟนคลับที่ติดตามสิ่งที่ติดตามผมอย่างเหนียวแน่นเพราะเขาชอบในการแสดงของผม ... ผมพยายามส่งสัญญาณในเชิงบวก สร้างความสนุกสนาน และความรักให้แก่โลกใบนี้”
ในสัปดาห์นี้ เขาได้อัปโหลดคลิปวิดีโอลงในยูทิวบ์ ตอนเซอร์ไพรส์พ่อแม่ด้วยการจ่ายเงินค่าผ่อนบ้าน 340,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 10.8 ล้านบาท)
ทิมซึ่งอยู่อาศัยที่เมืองพาราเมานต์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ไม่ไกลจากเพื่อนๆ ของเขานัก กล่าวกับเครือข่ายสถานีโทรทัศน์เอบีซีว่า เขามักจะอัปโหลดคลิปวิดีโออย่างน้อยหนึ่งคลิปต่อสัปดาห์ พ่อแม่ของเขาจึงไม่ต้องทำงานหนักมากนัก นอกจากนี้เขายังเป็นนักแสดงในซีรีส์อเมริกันทางช่องเอ็มทีวี 2 ที่มีชื่อว่า “ไวลด์ แอนด์ เอาต์” (Wild 'N Out) ของนิก แคนนอน อีกด้วย
ในคลิปวิดีโอล่าสุดนี้ ทิมได้มอบเช็คมูลค่า 340,000 ดอลลาร์ให้พ่อแม่ที่เปิดร้านอาหาร โดย 210,000 ดอลลาร์ไว้จ่ายบริษัทให้กู้ และอีก 130,000 ดอลลาร์สำหรับธนาคาร ทำให้แม่ของเขาตื้นตันใจจนน้ำตาคลอ
แม้ว่าพ่อแม่ของเขาคอยสนับสนุนเขาเสมอมา แต่ตอนแรกพวกเขาก็ยังสองจิตสองใจ โดยเฉพาะตอนที่ทิมลาออกจากมหาวิทยาลัยเมื่อปี 2010 เพื่อเดินตามความฝันในวงการบันเทิง
เขากล่าวว่า “ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเพื่อพ่อแม่ แต่ผมเคยถึงจุดที่ทำสองอย่างพร้อมกัน ทั้งเรื่องเรียนมหาวิทยาลัยและทำคลิป ตอนนั้นผมคิดได้ว่าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ผมจึงเลิกเรียน”
ทิมเล่าว่า แม่คอยถามเป็นครั้งเป็นคราวว่า เขาจะกลับไปเรียนอีกหรือไม่
“ผมก็จะบอกแม่ไปว่า ระหว่างกลับไปเรียนกับใช้หนี้ แม่อยากให้ผมทำอะไร” เขากล่าวพลางหัวเราะ