เอเอฟพี – กลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่ “รัฐอิสลาม” (Islamic State – IS) ซึ่งยึดพื้นที่ทางตอนเหนือของอิรักและซีเรีย อาจถูกองค์การสหประชาชาติขึ้นบัญชี “ผู้ก่ออาชญากรรมสงคราม” เจ้าหน้าที่สืบสวนด้านสิทธิมนุษยชนแถลงเมื่อวานนี้(25)
เปาโล ปิเญโร ประธานคณะกรรมาธิการสอบสวนแห่งสหประชาชาติว่ากรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซีเรีย ระบุว่า หลักฐานที่จะใช้ฟ้องร้องเอาผิดกลุ่มไอเอสนั้นหาได้ง่ายอย่างยิ่ง เพราะ “มีหลักฐานยืนยันถึงสายบังคับบัญชาที่ชัดเจน”
“พวกเขามีแนวโน้มสูงที่จะถูกขึ้นบัญชี” ปิเญโร ซึ่งเป็นชาวบราซิล กล่าวในรายงานผลการตรวจสอบต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
ปิเญโร ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า “ผมขอยืนยันว่าเรากำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกฝ่าย รวมไปถึงกลุ่มติดอาวุธที่มิใช่รัฐบาล และกลุ่มไอเอสด้วย... แต่ผมคงไม่สามารถบอกชัดเจนได้ว่าใครจะครองถ้วยแชมป์โลกด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้กระทำสิ่งเลวร้าย และคงจะทำต่อไปหากไม่ต้องรับผิด”
เมื่อเดือนพฤษภาคม ความพยายามของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่จะยื่นฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ไม่ประสบผลสำเร็จ หลังจากรัสเซียและจีนซึ่งเป็นสมาชิกถาวรใช้สิทธิ์ “วีโต”
คณะกรรมาธิการสอบสวนแห่งสหประชาชาติว่ากรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซีเรียก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ปี 2011 โดยมีหน้าที่รวบรวมหลักฐาน พยาน ภาพถ่ายดาวเทียม และเอกสารอื่นๆ เพื่อเอาผิดกับกลุ่มบุคคลที่กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซีเรีย แม้ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการชุดนี้จะยังไม่มีโอกาสเดินทางเข้าไปในซีเรียเลยก็ตาม
แม้รายนามผู้ก่ออาชญากรรมสงครามจะยังอยู่ในชั้นความลับ แต่ ปิเญโร ก็เปิดเผยให้ทราบคร่าวๆ ว่า ผู้ที่ถูกขึ้นบัญชีมีทั้งหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง, หัวหน้าศูนย์กักกันที่มีการทรมานนักโทษ และผู้บัญชาการทหาร “ซึ่งสั่งโจมตีพลเรือน”
กลุ่มติดอาวุธไอเอสถูกบรรดานักสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่ากระทำการสังหารหมู่, ลักพาตัว, ฆาตกรรม และก่ออาชญากรรมอีกหลายประเภท หลังจากที่พวกเขาได้บุกยึดพื้นที่ตอนเหนือของอิรักและซีเรียเป็นบริเวณกว้างขวาง และประกาศจัดตั้ง “รัฐอิสลาม” ที่ปกครองโดยระบอบคอลีฟะห์ขึ้น