เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเผยจะให้กำลังทหารร่วมเดินทางไปสมทบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยในบริเวณจุดตกของเที่ยวบิน MH17 ในประเทศยูเครน โดยเน้นย้ำว่าภารกิจนี้เป็นภารกิจด้านมนุษยธรรมล้วนๆ
ก่อนหน้านี้ นายโทนี แอ็บบอตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการปฏิบัติการภาคพื้นดินที่มีต่อการตกของเครื่องบินจากสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ซึ่งถูกยิงในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน
ขณะนี้ตำรวจออสเตรเลียจำนวน 90 นาย ได้ถูกส่งไปยุโรปแล้ว เพื่อปฏิบัติภารกิจคุ้มกันสถานที่บริเวณจุดตกและเก็บศพผู้เสียชีวิต ซึ่งในวันนี้ (25 ก.ค.) จะมีการส่งเพิ่มไปอีก 100 นาย
“ตำรวจอีก 100 นายจะออกเดินทางในวันศุกร์ (25 ก.ค.) เพื่อร่วมปฏิบัติภารกิจและทำในสิ่งที่ถูกต้องให้แก่บรรดาครอบครัวที่กำลังเศร้าโศก” แอ็บบอตต์ กล่าว พร้อมกับระบุว่า ขณะนี้ออสเตรเลียใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงกับทางยูเครน เรื่องการส่งเจ้าหน้าที่
“ตำรวจที่ถูกส่งไปจะมีจำนวนมากที่ไม่พกอาวุธ มีแค่บางคนเท่านั้นที่พกอาวุธ นอกจากนี้ ยังจะมีทหารของกองทัพไปร่วมภารกิจนี้ด้วย” แอ็บบอตต์ บอกกับนักข่าว แต่ไม่ได้ระบุจำนวนที่ชัดเจน
ผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH17 ส่วนใหญ่เป็นชาวเนเธอร์แลนด์ แต่ก็มี 28 รายที่เป็นพลเมืองออสเตรเลีย กับอีก 9 รายที่เป็นผู้มีถิ่นพำนักอาศัยถาวรในออสเตรเลีย อยู่บนเที่ยวบินนี้ด้วย
แอ็บบอตต์ ระบุว่า นี่เป็นภารกิจด้านมนุษยธรรมที่มีเป้าหมายที่เรียบง่ายและชัดเจน นั่นก็คือการนำร่างผู้เสียชีวิตเหล่านั้นกลับบ้าน ซึ่งในระหว่างที่การค้นหาร่างผู้เสียชีวิตยังคงดำเนินอยู่ จึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่พื้นที่บริเวณนั้นจะต้องมีความปลอดภัย
แอ็บบอตต์ บอกว่า ถ้าการส่งกำลังทหารคืบหน้าไปด้วยดี ภารกิจภาคพื้นดินในยูเครน น่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ โดยก่อนหน้านี้เขาได้คุยกับ “วลาดิมีร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซียมาแล้ว 2 ครั้ง เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งนี้
แอ็บบอตต์ ระบุว่า ประธานาธิบดี ปูติน ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจอย่างเต็มที่ เท่าที่จะให้ได้จากเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ 37 ครอบครัวในออสเตรเลีย และปูตินยังแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะสนับสนุนการรักษาความปลอดภัยบริเวณจุดเกิดเหตุเครื่องบินตก เพื่อที่การสืบสวนสอบสวนจะสามารถดำเนินไปได้อย่างเต็มที่สมบูรณ์ และร่างของผู้เสียชีวิตทุกรายได้รับการนำกลับบ้าน