เอเจนซีส์ - ฟิลิป คลาร์ก(Philip Clarke) ตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของบริษัทค้าปลีกระดับโลกสัญชาติอังกฤษ “เทสโก้” หลังการประกาศผลกำไรตกต่ำสุดในรอบ 40 ปีในไตรมาสแรกของปี 2014 และเดวิด ลูวิส(Dave Lewis) ผู้บริหารระดับสูงจากยูนิลีเวอร์จะเข้ารับตำแหน่งต่อในเดือนตุลาคมนี้
ฟิลิป คลาร์ก(Philip Clarke) วัย 54 ปีประธานบริหารของเครือซุปเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติอังกฤษ “เทสโก้” ตัดสินใจลาออกหลังจากเข้าทำงานร่วมกับเทสโก้เป็นเวลานาน 3 ปี และเดวิด ลูวิส(Dave Lewis) วัย 49 ปีผู้บริหารระดับสูงจากยูนิลีเวอร์จะเข้ารับทำหน้าที่ต่อจากเขาในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ เทสโก้ พีแอลซีแถลงในวันจันทร์(21)
“ทางบริษัทขอแถลงว่า เดวิด ลูวิส จากบริษัทยูนิลีเวอร์จะเริ่มร่วมงานกับเทสโก้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2014 เป็นต้นไปในตำแหน่งประธานบริหารของบริษัทเทสโก้แทนที่ฟิลิป คลาร์ก แต่ทั้งนี้คลาร์กจะยังคงทำหน้าที่ในฐานะผู้บริหารสูงสุดต่อไปจนถึงวันสุดท้ายของตำแหน่ง และเขาจะยังคงทำหน้าที่ในฐานะที่ปรึกษาเพื่อให้การเปลี่ยนถ่ายลุล่วงไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2015” รายงานจากแถลงการณ์ของเทสโก้ พีแอลซี
ทั้งนี้ ลูวิสทำงานให้กับยูนิลีเวอร์บริษัทสัญชาติดัตช์เป็นเวลานานถึงเกือบ 28 ปี และในระหว่างนั้นเขาประสบความสำเร็จทำให้ยูนิลีเวอร์กลับมาทำกำไรได้หลายครั้ง และตำแหน่งในปัจจุบันของลูวิสคือประธานยูนิลีเวอร์ดูแลทั่วโลกด้านผลิตภัณฑ์ใช้ส่วนบุคคล
ในอังกฤษ เทสโก้ต้องประสบปัญหาการแข่งขันค้าปลีกอย่างหนักจากคู่แข่งอัลดี( Aldi) และ ลิดี (Lidl ) ที่มีบริษัทสัญชาติเยอรมันเป็นเจ้าของ รวมไปถึงคู่แข่งค้าปลีกอื่นๆ เช่น มอร์ริสันส์ (Morrisons) และเวโธรส(Waitrose) รวมไปถึง เซนส์เบอรี (Sainsbury)และแอสดา(Asda) และยังได้รับผลกระทบจากนิสัยการจับจ่ายของผู้บริโภคชาวอังกฤษที่เปลี่ยนไปเนื่องมาจากสภาพฝืดเคืองทางเศรษฐกิจที่ชาวอังกฤษมีรายได้ลดลง
ในเดือนมิถุนายนล่าสุด เทสโก้ได้เปิดเผยผลประกอบการทางธุรกิจ และพบว่ามียอดขายต่ำสุดในรอบ 40ปีในไตรมาสแรกของปีนี้
และในเดือนเมษายน ทางเทสโก้ได้ประกาศผลกำไรประจำปีที่ลดลงเป็นครั้งที่ 2ติดต่อกัน ซึ่งทางบริษัทได้รับผลกระทบจากการค้าในยุโรป และแผนการลงทุนที่เพิ่มขึ้นที่มีเป้าหมายเพื่อพลิกจากยอดตัวแดงในบัญชีของบริษัทให้กลับเป็นกำไรในตลาดภายในอังกฤษ โดยทางเทสโก้ พีแอลซีตั้งเป้าจะลงทุนราว 1 พันล้านปอน์ด
นอกจากนี้ในช่วง 2ปีที่ผ่านมา เทสโก้มีแผนที่จะปิดFresh & Easy ในญี่ปุ่น และมีเป้าหมายจะเจาะตลาดในอินเดียและจีนแทนเพื่อทดแทนความซบเซาของตลาดในยุโรป
สื่ออังกฤษ บีบีซียังรายงานว่าในช่วงเช้าที่มีการประกาศเปลี่ยนบอสเทสโก้ นักลงทุนตอบรับกับข่าวนี้ ส่งให้หุ้นของบริษัทขึ้นเกือบ 3%