รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุทโธโยโน ซึ่งจะอำลาตำแหน่งผู้นำอินโดนีเซียในอีกไม่กี่เดือน กล่าวเตือนเป็นนัยๆ ให้ พล.ท.ปราโบโว สุเบียนโต ยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ หลังจากที่ปราโบโวมีแนวโน้มจะพ่ายให้แก่ โจโค วิโดโด พ่อเมืองจาการ์ตา อย่างแน่นอน แต่เจ้าตัวยังไม่วายร้องเรียนว่า “ถูกโกง” และเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งตรวจสอบการทุจริต
“การยอมรับความพ่ายแพ้คือสิ่งที่มีเกียรติ” ประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุทโธโยโน แถลงต่อสื่อมวลชน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการฝากข้อคิดไปถึง ปราโบโว นั่นเอง
คณะกรรมการการเลือกตั้งอินโดนีเซีย (เคพียู) จะประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 21-22 กรกฎาคมนี้
ความพยายามคัดค้านผลเลือกตั้งอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่ออินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และมีภาวะการลงทุนเข้มแข็งตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
สถาบันสำรวจความคิดเห็นเอกชนส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่า พลเมืองอิเหนาผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 130 ล้านคนได้เทคะแนนให้แก่ วิโดโด หรือ “โจโควี” ผู้ว่าการกรุงจาการ์ตาซึ่งมีบุคลิกติดดินและเข้าถึงประชาชน โดย วิโดโด มีคะแนนโหวตเหนือกว่า ปราโบโว อยู่ราวๆ 5%
ท่าทีดึงดันไม่ยอมแพ้ของ ปราโบโว ทำให้หลายฝ่ายเกรงว่าพวกที่สนับสนุนนายพลรายนี้อาจก่อความวุ่นวาย และบางคนก็ข่มขู่แล้วว่าจะไปชุมนุมประท้วงที่หน้าสำนักงานเคพียูในกรุงจาการ์ตา ก่อนที่ผลเลือกตั้งจะถูกประกาศในวันที่ 22 กรกฎาคม
ตำรวจและกองทัพอินโดนีเซียได้ส่งเจ้าหน้าที่เกือบ 300,000 นายดูแลความสงบเรียบร้อยทั่วทั้งหมู่เกาะซึ่งมีประชากร 240 ล้านคน และเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เคพียู ทว่าล่าสุดยังไม่มีแนวโน้มเกิดเหตุรุนแรง
ผู้สมัครรับเลือกตั้งมีสิทธิร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญหากเชื่อว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีผู้สมัครที่พ่ายแพ้ 2 รายกระทำมาแล้ว
ศาลจะทำการไต่สวนและประกาศคำพิพากษาภายใน 2 สัปดาห์ โดยคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สุด
“หากฝ่ายใดไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ผมขอแนะนำให้ไปร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญตามกระบวนการที่มีอยู่อย่างสันติ” ยุทโธโยโนกล่าวที่ทำเนียบประธานาธิบดี เมื่อวานนี้(20)
เจ้าหน้าที่เคพียูแถลงว่า คณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลต่างๆ ตามที่มีผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งร้องเรียนมาแล้ว โดยสัดส่วนคะแนนเสียงที่ถูกท้วงว่ามีการทุจริตนั้นอยู่ที่หลัก “หลายพัน”
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า ปราโบโวจะต้องได้คะแนนเพิ่มขึ้นถึง “7 ล้านเสียง” จึงจะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะ วิโดโด ได้
หลังจากสถานการณ์ค่อนข้างเป็นที่แน่นอนแล้วว่า ปราโบโว จะพ่ายศึกเลือกตั้ง ก็เริ่มมีสัญญาณบ่งบอกว่าผู้สนับสนุนคนสำคัญของ ปราโบโว หลายคนอาจตัดสินใจถอนตัวไปเข้าร่วมกับผู้ชนะ